เมื่อ 11 พ.ย. กลุ่มสมาชิกสภานิติบัญญัติฝ่ายค้าน ซึ่งเป็นฝั่่้งสนับสนุนประชาธิปไตยของฮ่องกง แถลงข่าวประกาศลาออกพร้อมกัน 15 คน ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นในวันเดียวกัน หลังจากที่คณะผู้บริหารฮ่องกงประกาศตัดสิทธิสมาชิกสภา 4 คน ประกอบด้วย อัลวิน หยาง (Alvin Yeung), เดนนิส กว็อก (Dennis Kwok), กว็อกกากี (Kwok Ka-ki ), และ เคนเนเธ กว็อก (Kenneth Leung) ให้ขาดคุณสมบัติดำรงตำแหน่งสมาชิกสภานิติบัญญัติ (LegCo) เนื่องจากมีพฤติการณ์เป็นภัยต่อความมั่นคง โดยรัฐบาลฮ่องกงไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆ เพิ่มเติม
การลาออกทั้งชุดของกลุ่ม ส.ส. ฝ่ายประชาธิปไตยที่มีทั้งหมด 19 ที่นั่ง จากทั้งหมด 70 ส่งผลให้สภานิติบัญญัติฮ่องกงเหลือ เสียงส่วนใหญ่ในสภา 51 เสียง ที่เป็นของสมาชิกพันธมิตรพรรคการเมืองฝ่ายสนับสนุนจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่สภาฮ่องกงแทบจะไร้เสียงจากฝ่ายค้าน นับตั้งแต่ฮ่องกงกลับสู่อ้อมอกจีนในปี 2540
หวูฉีเว่ย ประธานพรรคเดโมเครติกฮ่องกง กล่าวในการแถลงข่าวว่า การกระทำของจีนแผ่นดินใหญ่ครั้งนี้ ได้ทำลายระบบการปกครองแบบหนึ่งประเทศ สองระบบ ของฮ่องกงให้สิ้นสุดลง
"อำนาจถูกรวมศูนย์ไว้ที่คณะผู้บริหารซึ่งเป็นหุ่นเชิดของรัฐบาลปักกิ่ง เราไม่สามารถบอกโลกได้อีกต่อไปว่าเรายังเป็น 'หนึ่งประเทศ สองระบบ' สิ้นสุดแล้ว .. สิ้นสุดอย่างเป็นทางการ"
ทั้งนี้ คำสั่งปลด 4 ส.ส. พ้นสภาฮ่องกง มีขึ้นหลังจากที่ประชุมคณะกรรมกรรมาธิการสภาประชาชนแห่งชาติจีน (NPCSC) มีมติมอบอำนาจให้รัฐบาลฮ่องกงสามารถเพิกถอนตำแหน่งทางการเมืองของสมาชิกสภานิติบัญญัติคนใดก็ตาม ที่มีแนวคิดสนับสนุนเอกราชของฮ่องกง หรือสมคบคิดต่างชาติ และมีพฤติการณ์เป็นอันตรายต่อความมั่นคง โดยไม่ต้องผ่านการพิจารณาของศาล
เป็นเหตุให้ทั้ง 4 ส.ส. ถูกปลดจากสมาชิกสภานิติบัญญัติทันที รวมถึงยังถูกตัดสิทธิห้ามลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งต่อไป
ก่อนหน้านี้ แคร์รี่ หล่ำ หัวหน้าคณะผู้บริหารฮ่องกง ได้แถลงหลังการสั่งปลด 4 ส.ส. ว่า สมาชิกกลุ่มดังกล่าว มีพฤติกรรมเป็นภัยต่อความมั่นคงและผิดต่อรัฐธรรมนูญ เนื่องจากพยายามเรียกร้องให้รัฐบาลต่างชาติแทรกแซงและคว่ำบาตรฮ่องกง รวมถึงย้ำว่า แนวปฏิบัตินี้เป็นมาตรฐานเดียวกัน ไม่ว่าเป็นสมาชิกสภาฝ่ายใดก็ตาม