สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นท่ามกลางความพยายามของรัฐบาลจากหลายประเทศในการเข้ามาควบคุมและจัดการการดำเนินการแลกเปลี่ยน 'สกุลเงินดิจิทัล' หรือ 'คริปโตเคอร์เรนซี' ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นในภูมิภาคเอเชีย ยุโรป หรืออเมริกา เพราะบรรดารัฐบาลต่างๆ ไม่ต้องการให้คริปโตเคอร์เรนซีมาลดทอนอำนาจในการควบคุมระบบการเงินของประเทศ

ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมารัสเซียมีความพยายามอย่างต่อเนื่องที่จะแบนคริปโตเคอร์เรนซี โดยให้เหตุผลว่าคริปโตเคอร์เรนซีอาจถูกใช้เป็นเครื่องมือในการ 'ฟอกเงิน' หรือเป็นการ 'สนับสนุนทางการเงินให้กับกลุ่มผู้ก่อการร้าย'

อย่างไรก็ตามในปี 2563 ที่ผ่านมา คริปโตเคอร์เรนซีได้รับการรับรองทางกฏหมายในรัสเซียโดยมีข้อยกเว้นที่ระบุว่าประชาชนไม่สามารถใช้เป็นเครื่องมือในการซื้อขายสินค้า หรือ 'ชำระหนี้ตามกฏหมายได้'

หากเกิดการแบนขึ้นจริงจะส่งผลกระทบอย่างยิ่งเนื่องจากว่าในปัจจุบันตัวเลขจาก Statista ชี้ว่ารัสเซียคือประเทศที่มี 'Hashrate' หรืออัตราประมวลผลในการขุด 'บิตคอยน์' มากที่สุดเป็นอันดับที่ 3 ของโลก (11.23%) รองลงมาจากอันดับที่ 1 คือสหรัฐอเมริกา (35.4%) และอันดับที่ 2 คือคาซัคสถาน (18.1%) และรัสเซียมีมูลค่าการทำธุรกรรมซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซีมากถึง 5,000 ล้านดอลล่าร์ หรือราว 1.64 แสนล้านบาทต่อปี

ธนาคารกลางรัสเซียยังมีข้อเสนอด้วยที่ระบุด้วยว่าสถาบันทางการเงินต่างๆ ไม่ควรอนุญาตให้มีการดำเนินการใดๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับคริปโตเคอร์เรนซี และควรมีระบบที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการทำธุรกรรมที่มีจุดประสงค์เพื่อการซื้อและการขายคริปโตเคอร์เรนซี

"ทางออกที่ดีที่สุดคือการเสนอให้เกิดการแบนเหมืองขุดคริปโตเคอร์เรนซีในรัสเซีย ... ขณะนี้ยังไม่มีแผนการแบนที่ชัดเจน และจะยังไม่เป็นการแบนในลักษณะเดียวกับที่เกิดขึ้นในประเทศจีน" ธนาคารกลางรัสเซียระบุ

ข้อเสนอจากธนาคารกลางรัสเซียยังครอบคลุมไปถึงการแบนแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตเคอร์เรนซี ซึ่งในกรณีนี้ Binance แพลตฟอร์มระดับโลกได้แสดงความเห็นกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่าทางบริษัทจะเร่งดำเนินการพูดคุยกับทางการของรัสเซียและหวังว่าความเคลื่อนไหวล่าสุดจากธนาคารกลางรัสเซียนั้นจะทำให้เกิดการบทสนทนา เพื่อนำไปสู่การออกนโยบายที่เป็นการปกป้องผลประโยชน์ของผู้ซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซีในรัสเซียทุกคน

#VoiceOnline