12 มี.ค.2566 ที่สามย่านมิตรทาวน์ พรรคก้าวไกลเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครส.ส. 33 ราย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคย้ำการเลือกตั้งครั้งนี้มีความสำคัญ เป็นการลงทุนที่น้อยที่สุดเพื่อให้ประเทศมีการเปลี่ยนแปลง โดย กทม.ถือเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ของพรรคก้าวไกลเพราะในการเลือกตั้งที่ผ่านมามี Popular Vote 8 แสนกว่าคะแนน ในการเลืกตั้งครั้งนี้ ผู้สมัครมีความสดใหม่และทำงานในพื้นที่มาโดยตลอด ยังคงมีความมั่นใจแม้จะมีผู้สมัครเดิมเพียง 2 คน เนื่องจากประชาชนก็เห็นแล้วว่าส.ส.หน้าใหม่สามารถมีบทบาทสูงในสภาและช่วยประชาชนแก้ปัญหาในพื้นที่ได้ดี เช่น เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร และนายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์
พิธากล่าวต่อว่า ในความภูมิใจว่าพวกเราทำหน้าที่ได้คุ้มค่าภาษีประชาชน จนประชาชนไว้วางใจบริจาคภาษีให้เราเป็นแชมป์ 4 ปีซ้อน ก็ยังมีความเจ็บใจอยู่ เจ็บใจที่เรายังมีจำนวนน้อยเกินไป ไม่สามารถรับใช้พี่น้องประชาชนได้ทุกเขต ได้เต็มที่เท่าที่เราอยากจะทำ ไม่สามารถเปลี่ยนประเทศได้เร็ว ได้ไกล เท่าที่เราตั้งใจ เพราะเรามี ส.ก. เท่านี้ วันนี้เราจึงยังทำได้แค่เคลื่อนกรุงเทพไปข้างหน้า ทีละเล็กละน้อย ทีละเขตทีละพื้นที่ ทำศูนย์เยาวชนในบางซื่อได้ ลอกท่อป้องกันน้ำท่วมในบางแค ในจตุจักรได้ เพิ่มป้ายรถเมล์ทวีวัฒนาได้ ทำทางเท้าดีในบางนาได้ แต่ยังเปลี่ยนกรุงเทพให้ดีขึ้นกว่านี้ไม่ได้
"เพราะเรามี ส.ส. เท่านี้ กฎหมายสุราก้าวหน้าจึงแพ้ไปเพียง 2 เสียง อีกก้าวเดียวก็จะถึงชัยชนะที่ปลดปล่อยผู้ประกอบการนับแสนๆ คนทั่วประเทศให้ทำอาชีพที่พวกเขารักได้อย่างถูกกฎหมาย เพราะเรามี ส.ส. เท่านี้ สมรสเท่าเทียมที่คนทั้งประเทศเรียกร้องรอคอยจึงยังค้างเติ่งอยู่ในสภา ไม่สามารถผ่านสภาฯ ในสมัยนี้ได้ ทำให้ประชาชนผู้มีความหลากหลายทางเพศ ต้องรอต่อไปอีกไม่รู้กี่เดือนกี่ปี เราสร้างการเปลี่ยนแปลงทีละเล็กละน้อยในสภาฯ ผ่านกรรมาธิการ ผ่านการอภิปราย ผ่านการเสนอกฎหมาย แต่เรายังเปลี่ยนประเทศไทยไม่ได้"
หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ ประเทศไทยต้องการการผ่าตัดใหญ่ ต้องการการรื้อปัญหาใต้พรมที่หมักหมมมาตั้งแต่รัฐประหาร ขึ้นมาจัดการแก้ไขให้สิ้นซาก พรรคก้าวไกลส่งผู้สมัครลงทุกเขต ครบ 77 จังหวัดในประเทศไทย เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้เลือกผู้แทนที่ทำงานได้คุ้มค่าภาษีประชาชนที่สุดได้เข้าสภาฯ ที่ผ่านมาหลายคนบอกว่ารอบนี้มีบัตรสองใบ ขอแบ่งพรรคละใบ จะกาก้าวไกลในบัตรพรรค แต่ตนขอให้ลองพิจารณาใหม่ ส.ส.อย่างณัฐชา อย่างเท่าพิภพ อย่างรังสิมันต์ โรม ยังมีน้อยเกินไปในสภาฯ กาใบเดียวไม่พอสร้างการเปลี่ยนแปลง พรรคก้าวไกลจึงต้อง ‘ขอ 2’ คือบัตรใบแรก กา ส.ส. เขตไว้ใช้งาน ให้บ้านท่านได้มี ส.ส. ก้าวไกล ที่ทำงานได้คุ้มค่าภาษีประชาชน และบัตรใบที่สองกาให้พรรคก้าวไกล กาให้พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 กาให้ได้รัฐบาลก้าวไกล ไปเปลี่ยนประเทศไทยให้ก้าวหน้า การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต
อำนาจ ปานเผือก ส.ก.เขตบางแค และ พุทธิพัชร์ ธันยาธรรมนนท์ ส.ก.เขตยานนาวา ร่วมแถลงผลงานของ ส.ก. พรรคก้าวไกล โดยอำนาจ กล่าวว่า จากการทำงานตลอด 9 เดือน ส.ก. พรรคก้าวไกล แก้ไขปัญหาของประชาชนสำเร็จหลายเรื่อง ขอยกตัวอย่างในบางเขต เช่น เขตจตุจักร ติดตั้งไฟฟ้า LED เพื่อลดความเสี่ยงการก่ออาชญากรรม, เขตบางแค ลอกท่อจุดท่วมขังมากกว่า 60 จุด, ผลิตหนังสือพิมพ์ก้าวไกล เพื่อรวบรวมและแจ้งความคืบหน้าของการทำงานให้พี่น้องประชาชนทราบ
พุทธิพัชร์ กล่าวว่า ส.ก.พรรคก้าวไกล ให้ความสำคัญกับการรับฟังความต้องการของประชาชน ที่เขตราชเทวี ส.ก. เราเดินทุกซอกซอย ถามประชาชนว่าอยากให้นำงบประมาณไปทำอะไรเพื่อสร้างการมีส่วนร่วมและใช้งบประมาณอย่างตรงจุด, เราทำทางเท้าที่น่าเดินในเขตบางนา ผลักดันถนนอุดมสุขให้เป็นพื้นที่นำร่องสำหรับการปรับปรุงทางเท้าให้ดีมีมาตรฐานทั้งเส้นกว่า 4 กิโลเมตร, ปรับปรุงถนนพระราม 3 และในอนาคตจะออกแบบวางแผนการซ่อมสร้างอย่างเป็นระบบ รวมทั้งยังเพิ่มศักยภาพโรงพยาบาลในเขตยานนาวา
ภัทราภรณ์ เก่งรุ่งเรืองชัย ส.ก.เขตบางซื่อ ประกาศวาระกรุงเทพ ว่าที่ผ่านมาคนอาจคุ้นเคยกับบทบาท ส.ก. เช่น ซ่อมไฟ ลอกท่อ ทำหมันหมาแมว แม้เหล่านี้เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำ แต่ ส.ก.พรรคก้าวไกล เชื่อว่าเราทำได้มากกว่านั้น และนี่คือ 4 วาระสำคัญที่เราจะทำให้สำเร็จ ได้แก่ (1) การปรับปรุงศูนย์เยาวชนเตชะวนิชในเขตบางซื่อ ให้มีความทันสมัย และมีฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลายสำหรับเด็กและผู้สูงอายุในพื้นที่ (2) การพัฒนาระบบขนส่งในเขตทวีวัฒนา ติดตั้งป้ายรถเมล์ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน (3) การระบายน้ำอย่างเป็นระบบเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมอย่างยั่งยืน พรรคก้าวไกลเสนอให้นำ IoT มาใช้วัดระดับการไหลของน้ำ และเสนอเปิดให้เอกชนเข้ามาประมูลแข่งกันเพื่อให้การลอกท่อทำได้เร็วขึ้น และ (4) การเสนอกฎหมายรถเมล์อนาคต กำหนดให้รถเมล์ที่วิ่งใน กทม. ต้องเป็นรถไฟฟ้าทั้งหมดภายใน 7 ปี ทั้งหมดนี้คือบางส่วนที่จะเปลี่ยนกรุงเทพฯ ไปอย่างถาวร ในการเลือกตั้งที่จะมาถึง จึงขอให้ประชาชนกาก้าวไกลเพื่อเปลี่ยนประเทศไทยไปตลอดกาลเช่นกัน
ตามมาด้วย การเปิดชุดนโยบาย ‘กาก้าวไกล กรุงเทพไม่เหมือนเดิม’ โดย ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กรุงเทพฯ เขตบางขุนเทียน และ เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.กรุงเทพฯ เขตธนบุรี เริ่มด้วยณัฐชา กล่าวว่า พรรคก้าวไกลมีนโยบายแบ่งเป็น 3 ด้านหลัก ด้านแรกคือ ‘การเมืองดี’ กรุงเทพฯ ต้องเป็นเมืองโปร่งใส่ไร้ส่วย ด้วยการเปิดข้อมูลรัฐ มีระบบเอไอจับโกงอัจฉริยะ ทุกบริการภาครัฐทำได้ออนไลน์ ลดความจำเป็นในการจ่ายส่วย, เป็นเมืองปลอดภัย มีกล้อง CCTV ดูได้แบบเรียลไทม์ ปิดจุดบอดอาชญากรรม, ย้ายค่ายทหารออกจาก กทม. เพราะปัจจุบันพื้นที่ทหารใน กทม. มี 26 แห่ง รวม 19,200 ไร่ ส่วนนโยบายด้านที่สอง ‘ปากท้องดี’ เราจะลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางของคน กทม. ให้รถเมล์และรถไฟฟ้ามีราคา 8-45 บาทตลอดสาย ใช้บัตรใบเดียว ครอบคลุมทุกพื้นที่, ลดค่าผ่อน-ค่าเช่าบ้าน ด้วยนโยบายบ้านตั้งตัว 350,000 หลัง, สร้างรัฐสวัสดิการ ให้ประชาชนทำงานมีเงินเก็บ เช่น เบี้ยผู้สูงอายุ 3,000 บาทต่อเดือนแบบถ้วนหน้า
ขณะที่เท่าพิภพ กล่าวว่า พรรคก้าวไกลจะฟื้นเศรษฐกิจและสนับสนุนผู้ค้ารายย่อยใน กทม. ด้วยนโยบายหวย SME ซื้อของจากรายย่อยครบ 500 บาท ได้สลาก 1 ใบ ได้ลุ้นเงินล้านทั้งคนซื้อและคนขาย, นโยบายเศรษฐกิจกรุงเทพ 24 ชั่วโมง เพิ่มรายได้ของประชาชนและกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยการยกเลิกจำกัดเวลาขายเหล้า ให้ขายเหล้าได้ตลอดวัน รวมถึงคุ้มครองความปลอดภัยของคนทำงานกลางคืนและนักท่องเที่ยว เช่น เพิ่มไฟส่องสว่าง เพิ่มขนส่งสาธารณะกะดึก มีกองทุนช่วยเหลือคนทำงานกลางคืน เป็นต้น และนโยบายด้านสุดท้าย ‘มีอนาคต’ ให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เช่น มี co-studio space และ co-creating space ทุกเขต, รถเมล์ใหม่ทุกคันต้องเป็นไฟฟ้าทันที รถเมล์ควันดำหมดไปภายใน 7 ปี เพื่อให้ขนส่งในกรุงเทพฯ สะอาดไร้ฝุ่นพิษ รวมถึงมีกองทุนการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ให้รัฐจ้างที่ปรึกษาทำ EIA แทนเอกชนจ้างตรง ประชาชนได้รับชดเชย ไม่ต้องรอฟ้องศาล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่างานในวันนี้ สันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตตำรวจสันติบาล ได้มาร่วมสังเกตการณ์เวทีปราศรัยของพรรคก้าวไกลด้วย ในฐานะที่ตนเองเป็นสมาชิกพรรคและสนับสนุนพรรค
อย่างไรก็ตาม สันธนะ ย้ำว่าตนไม่ได้จะลงสมัคร ส.ส.เขต หรือบัญชีรายชื่อแต่อย่างใด เพราะเห็นว่าตนอายุมากแล้ว ควรให้โอกาสคนรุ่นใหม่
พรรคก้าวไกลเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ ทั้ง 33 เขต ประกอบด้วย
1. ปารเมศ วิทยารักษ์สรรค์ (เขตพระนคร)
2. ธิษะณา ชุณหะวัณ (เขตปทุมวัน)
3. จรยุทธ จตุรพรประสิทธิ์ (เขตยานนาวา)
4. ภัณฑิล น่วมเจิม (เขตคลองเตย-วัฒนา)
5. เฉลิมชัย กุลาเลิศ (เขตห้วยขวาง)
6. กันตภณ ดวงอัมพร (เขตดินแดง)
7. ภัสริน รามวงศ์ (เขตบางซื่อ)
8. ชยพล สท้อนดี (เขตหลักสี่)
9. ศุภณัฐ มีนชัยนันท์ (เขตจตุจักร)
10. เอกราช อุดมอำนวย (เขตดอนเมือง)
11. ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ (เขตสายไหม)
12. ภูริวรรธก์ ใจสำราญ (เขตบางเขน)
13. ธนเดช เพ็งสุข (เขตลาดพร้าว)
14. สิริลภัส กองตระการ เขตบางกะปิ
15. วิทวัส ติชะวาณิชย์ (เขตคันนายาว)
16. นายิกา ศรีเนียน (เขตบึงกุ่ม)
17. พิมพ์กาญจน์ กีรติวิราปกรณ์ (เขตคลองสามวา)
18. วีรวุธ รักเที่ยง (เขตหนองจอก)
19. กันต์พงษ์ ประยูรศักดิ์ (เขตมีนบุรี)
20. ชุมพล หลักคำ (เขตลาดกระบัง)
21. ณัฐพงศ์ เปรมพูลสวัสดิ์ (เขตประเวศ-สะพานสูง)
22. สุภกร ตันติไพบูลย์ธนะ (เขตสวนหลวง)
23. ปิยรัฐ จงเทพ (เขตพระโขนง-บางนา)
24. เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร (เขตธนบุรี)
25. แอนศิริ วลัยกนก (เขตทุ่งครุ)
26. ไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ (เขตจอมทอง)
27. ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ (เขตบางขุนเทียน)
28. รักชนก ศรีนอก (เขตบางบอน)
29. สิริน สงวนสิน (เขตทวีวัฒนา)
30. ธัญธร ธนินวัฒนาธร (เขตบางแค)
31. ทิสรัตน์ เลาหพล (เขตตลิ่งชัน)
32. ปวิตรา จิตตกิจ (เขตภาษีเจริญ-บางกอกใหญ่)
33. พงศ์พันธ์ ยอดเมืองเจริญ (เขตบางพลัด-บางกอกน้อย)