ไม่พบผลการค้นหา
คุณหญิงสุดารัตน์ แนะรัฐบาลต้อง "คิดใหม่ ทำใหม่ คิดไว ทำไว" เร่งช่วยเหลือเอสเอ็มอีทั่วประเทศ พร้อมขอให้นำข้อเสนอจากสภาเอสเอ็มอีไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า หลังจากเมื่อวันที่ 30 ก.ค. มีประชุมคณะรัฐมนตรีเต็มคณะครั้งที่ 2 ถือเป็นการประชุมครั้งแรกหลังการแถลงนโยบายรัฐบาล เป็นสัญญาณนับหนึ่งของการบริหารประเทศอย่างเป็นทางการ

ในโอกาสนี้ นอกเหนือจากปัญหาภัยแล้งที่เคยเรียกร้องให้รัฐบาลประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติโดยเร่งด่วน ก็พบว่าเป็นไปอย่างล่าช้า จึงอยากชวนรัฐบาลที่บริหารประเทศโดยทีมเศรษฐกิจหน้าเดิม กลับมาสนใจและชุบชีวิต SME ทั่วประเทศให้แข็งแกร่งอีกครั้ง เพื่อให้การเติบโตของ SMEs เป็นเครื่องมือพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทยทั้งระบบ

โดยทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย ได้มีโอกาสประชุมร่วมกับ "สภาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย" หรือ "สภาเอสเอ็มอี" ซึ่งมีสมาชิกเป็น SMEs ทั่วประเทศกว่า 2 หมื่นราย ทำให้ได้ข้อแนะนำ ที่จะเป็นกุญแจพาชาว SMEs ออกจากความทุกข์ และเศรษฐกิจฝืดเคืองขนาดหนักที่ดำเนินต่อเนื่องมา 5 ปี 

ทั้งนี้ สภาเอสเอ็มอี ค้นพบว่า หน่วยงานรัฐทุกหน่วยงานได้มีการปฏิบัติตามพันธกิจของแต่ละหน่วยงาน เพื่อยกระดับSMEs ตามกรอบที่แผนต่างๆ ได้ระบุไว้ในเอกสาร ตั้งแต่แผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี, แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12, นโยบายกระทรวงอุตสาหกรรม, แผนการส่งเสริม SME ฉบับที่ 4 ของ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.)

แต่สิ่งที่สภาเอสเอ็มอีค้นพบก็คือ ขาดการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานอย่างเป็นระบบ และขาดหน่วยงานกลางที่จะเข้ามาประสานความต้องการของภาคเอกชนไปเสนอภาครัฐ

สภาเอสเอ็มอี กำลังพัฒนาโมเดลที่เรียกว่า "SMEs Smart Province" เป้าหมายคือเพื่อพัฒนาสินค้าเด่นของจังหวัดมาสร้างเป็น Brand Province โดยใช้กลไก ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคการศึกษา ภาคสถาบันการเงินในจังหวัดช่วยกัน ในระยะแรกนี้ ทุกจังหวัดควรมีการจัดตั้ง "ศูนย์ให้บริการ SMEs ครบวงจร (SME One-stop Service Center)" เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการเข้าถึงแหล่งเงินทุน พัฒนาช่องทางการตลาด การพัฒนาองค์ความรู้และนวัตกรรม ด้วยหวังว่า ถ้ายกระดับศักยภาพ คุณภาพ ความเข้มแข็ง และความเติบโตของ SMEs ระดับจังหวัด ได้สำเร็จ ก็จะขยายผลสู่ระดับภูมิภาค และประเทศต่อไป

ในด้านการเข้าถึงแหล่งเงินทุน สภาเอสเอ็มอี เสนอว่า อาจต้องคิดถึงแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำให้กับผู้ประกอบการ SMEs ที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนปกติตามเงื่อนไขการอนุมัติสินเชื่อของธนาคารทั่วไปได้ ในด้านการตลาด เสนอว่า ควรส่งเสริมให้เกิดการรวมตัวของสินค้าเด่นประจำจังหวัด ที่มีมาตรฐานการผลิตเดียวกัน แล้วจัดจำหน่วยร่วมกันภายใต้ตราสินค้าของจังหวัด (Brand Province) เพื่อลดภาระทางด้านการตลาดและการขาย

ในด้านการพัฒนาองค์ความรู้ให้กับผู้ประกอบการ SMEs หรือที่สภาเอสเอ็มอีใช้คำว่า “ติดอาวุธทางปัญญา” ซึ่งดิฉันสนใจเป็นพิเศษ ได้แก่ การสร้างนวัตกรรมและสร้างมูลค่าเพิ่ม, การนำเทคโนโลยีและระบบอัตโนมัติเข้ามาใช้, การลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิต และการเตรียมผู้ประกอบการ SMEs ให้พร้อมต่อการค้าขายในโลกยุคใหม่

ทั้งหมดนี้ ตนคิดว่าสอดรับกับนโยบายของพรรคเพื่อไทยในช่วงหาเสียงเลือกตั้งเป็นอย่างดี ถ้าใครยังจำกันได้ เพื่อไทยเสนอไว้หลายเรื่อง เพื่อเพิ่มพลังคนรุ่นใหม่และพนักงานบริษัท เพื่อสร้างเถ้าแก่ใหม่ เจ้าของธุรกิจรุ่นใหม่ และชุบชีวิตพี่น้อง SMEs ให้กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง ด้วยเครื่องมือต่างๆ เช่น

1. กองทุนสร้างเจ้าของธุรกิจรุ่นใหม่ (Smart Small Business Center) ให้คนรุ่นใหม่ และพนักงานบริษัท สามารถมีธุรกิจเป็นของตัวเองได้ ช่วยหาแหล่งทุนที่เข้าถึงได้ง่าย ช่วยหา Contact กับมหาวิทยาลัยดังทั่วโลก และทุกมหาวิทยาลัยในไทย เพื่อช่วยเหลือเรื่ององค์ความรู้วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์

2. กองทุนคนเปลี่ยนงาน เพื่อพัฒนาทักษะใหม่ สนับสนุนทุน สร้างงาน สร้างธุรกิจให้พนักงานบริษัทที่ถูกเลิกจ้างจากความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี

3. บัตรทอง_Start_Up มอบสิทธิพิเศษให้กับคนตัวเล็กที่อยากจะเป็นผู้ประกอบการ เพื่อให้เขาสร้างธุรกิจจากเทคโนโลยี และทักษะของโลกยุคใหม่ ได้สำเร็จจนเป็นเถ้าแก่ใหม่

จึงขอฝากรัฐบาลใหม่ไว้ด้วย ทั้งข้อเสนอของสภาเอสเอ็มอี และข้อเสนอของพรรคเพื่อไทย เพราะวันนี้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศหนักหน่วงมาก อยากเห็นรัฐบาล ไม่ใช่แค่ คิดใหม่ ทำใหม่ แต่ต้อง คิดไว ทำไว ด้วยค่ะ ถึงจะไปรอดในโลกยุคใหม่