นายเดชา ศิริภัทร ประธานมูลนิธิขวัญข้าว พร้อมกับ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต เดินทางเข้าหารือเป็นการภายในกับนายแพทย์มรุต จิรเศรษฐสิริ อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เกี่ยวกับการขึ้นทะเบียนหมอพื้นบ้านของนายเดชา และกฎเกณฑ์ระเบียบปฏิบัติเกี่ยวกับการใช้กัญชาเพื่อการแพทย์ ภายหลังจากรักษาด้วยสารสกัดกัญชามาระยะหนึ่ง แต่ถูกสั่งระงับ เนื่องจากไม่มีใบอนุญาต
นพ.มรุต กล่าวภายหลังการหารือกว่า 2 ชั่วโมงครึ่ง ว่า นายเดชาเข้าข่ายเป็นหมอพื้นบ้าน เพราะดูแลผู้ป่วยด้วยวิธีแพทย์แผนไทยมากว่า 10 ปี แม้ว่าจะเพิ่งใช้กัญชารักษาโรคไม่นานนัก แต่ก็มีการใช้สมุนไพรอื่นๆ ในการรักษามาก่อน ซึ่งเป็นที่ยอมรับ ทั้งนี้ได้ มอบอำนาจให้สำนักงานสาธารณาสุขจังหวัดสุพรรณบุรีเป็นผู้พิจารณาในการขึ้นทะเบียนหมอพื้นบ้านให้นายเดชา คาดใช้เวลาไม่เกิน 1 สัปดาห์
นพ.มรุต กล่าวว่า แม้ว่าจะได้ขึ้นทะเบียนเป็นหมอพื้นบ้านแล้ว นายเดชายังไม่สามารถกลับไปแจกจ่ายยาได้ตามเดิม เนื่องจากต้องผ่านการอบรมแพทย์แผนไทยในการใช้กัญชากับ อย. ก่อน ซึ่งจะเริ่มต้นในวันที่ 28 เมษายนนี้ จากนั้นต้องมาดูว่าน้ำมันกัญชาที่นายเดชาสกัดได้ มีความปลอดภัยจากสารปนเปื้อนหรือโลหะหนักหรือไม่ ซึ่งจะต้องทำควบคู่กับหน่วยงานที่ได้รับอนุญาตวิจัย มีการจดบันทึกที่ชัดเจน ส่วนผู้ป่วยที่จำเป็นต้องใช้สารสกัดกัญชา ระหว่างนี้ให้นายเดชาส่งรายชื่อไปที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ปปส.เพื่อพิจารณาเป็นรายบุคคลต่อไป
ด้าน นายเดชา ศิริภัทร ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ ระบุว่า ปปส. แนะนำว่าหากจะแจกจ่ายยาให้กับผู้ป่วยต่อ ต้องจดทะเบียนการเป็นหมอพื้นบ้านให้ถูกกฎหมาย รวมถึงต้องร่วมกับหน่วยงานรัฐที่ทำเรื่องการวิจัย เพื่อทำให้น้ำมันกัญชาดังกล่าวถูกกฎหมายและได้รับการรับรอง ซึ่งขณะนี้ตนได้ยื่นขอจดทะเบียนการเป็นหมอพื้นบ้านแล้ว และจะมีการหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยระหว่างนี้จะหยุดการผลิตและแจกจ่ายน้ำมันกัญชาทางการแพทย์ เพื่อรอผ่านกระบวนทางกฎหมายก่อน เชื่อว่าไม่เกินสิ้นเดือนนี้
ขณะที่นายปานเทพ กล่าวว่า วิธีการรักษาของนายเดชาสอดคล้องกับวิธีการรักษาของหมอพื้นบ้าน ด้วยรูปแบบวิธีการรักษาและการเก็บตัวอย่างจากผู้ป่วยกว่า 5,000 ราย ซึ่งตนยืนยันว่าการรักษาของนายเดชามีความปลอดภัย เพราะใช้สารสกัดกัญชาความเข้มข้นเพียง 3% บรรจุในแคปซูล เป็นปริมาณที่ปลอดภัย แต่มีประสิทธิภาพในการรักษา ไม่มีการผลข้างเคียงที่มีความมึนเมาตามมา อีกทั้งวิธีการแจกมีการคัดกรองและฝึกอบรมการใช้ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญ