ไม่พบผลการค้นหา
อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญาธนบุรี สั่งฟ้อง 11 ข้อหา ต่อ 22 วัยรุ่นคึกคะนองมั่วสุมบุกทำร้ายครู นักเรียนโรงเรียนมัธยมวัดสิงห์ ชี้เป็นบทเรียนของสังคม

ความคืบหน้ากรณีกลุ่มวัยรุ่นไปร่วมงานบวชที่วัดสิงห์ บางขุนเทียน ก่อนเกิดความไม่พอใจบุกทำร้ายครู นักเรียนโรงเรียนมัธยมวัดสิงห์ จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ไปทั่วสังคม 

ล่าสุดนายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจากอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญาธนบุรี 3 ว่าอัยการได้มีคำสั่งฟ้องและยื่นฟ้องนายมนตรี หรืออุ๊ พูลทรัพย์ กับพวกรวม 22 คน ต่อศาลอาญาธนบุรีแล้วเมื่อวันที่ 11 เม.ย. เวลา 16.30 น. เป็นคดีดำของศาลแล้ว และอัยการขอคัดค้านการประกันตัวของจำเลยทั้ง 22 คน โดยบรรยายฟ้องขอให้ศาลลงโทษสถานหนัก    

นายโกศลวัฒน์ เปิดเผยว่า อัยการได้ฟ้องในข้อหาร่วมกันมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง

- ร่วมกันบุกรุกเข้าไปกระทำการใดๆ อันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นโดยปกติสุข โดยใช้กำลังประทุษร้าย และโดยกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป

- ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ

- ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์

- ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อร่างกาย เสรีภาพ และทรัพย์สินของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้น หรือจำยอมต่อสิ่งนั้น โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป

- กระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่า 15 ปีโดยใช้กำลังประทุษร้ายและโดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ ต่อหน้าธารกำนัล

- บริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวัดโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย

และในส่วนขอให้ลงโทษสถานหนัก อัยการโจทก์ได้บรรยายฟ้องว่า การกระทำของจำเลยกับพวกเป็นการกระทำที่ไม่เคารพยำเกรงต่อกฎหมาย อาศัยที่มีพวกมากบุกรุกเข้าไปในโรงเรียน ทำร้ายเด็กนักเรียน และครูผู้คุมสอบ ทั้งผู้หญิง ผู้ชาย โดยไม่เลือกว่าเป็นใคร ทั้งที่ไม่รู้จักและไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อน เป็นการข่มเหงรังแกผู้อื่นเพื่อความสะใจ เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างกับบุคคลอื่นและเพื่อความสงบสุขของสังคมโดยรวม ขอศาลได้โปรดลงโทษจำเลยตามอัตราโทษขั้นสูงของกฎหมาย

หากจำเลยขอประกันตัว โจทก์ขอคัดค้าน เนื่องจากจำเลยมีเป็นจำนวนมาก ไม่เคารพยำเกรงต่อกฎหมาย จึงอาจหลบหนี หรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน อนึ่ง โจทก์ได้แนบสำเนาข้อมูลทะเบียนราษฎร์ของจำเลยทั้ง 22 มาท้ายคำฟ้องนี้แล้ว    

นายโกศลวัฒน์ กล่าวด้วยว่า ในคำขอท้ายคำฟ้องอาญา การที่จำเลยได้กระทำตามข้อความที่กล่าวมาในคำฟ้องนั้น เป็นความผิดต่อกฎหมายและบทมาตราดังนี้

ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91, 92, 215, 278, 281, 295, 309, 358, 362, 365 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 26) พ.ศ.2560 มาตรา 4, 11 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 8) พ.ศ.2530 มาตรา 4 ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21 พ.ย. 2514 ข้อ 9 พระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 มาตรา 3, 31, 42 รวมบทบัญญัติที่ให้รับโทษทั้งหมด 11 ข้อหา ศาลนัดถามคำให้การจำเลยวันที่ 17 เม.ย.นี้ เวลา 09.00 น.โดยเบิกตัวจำเลยมาจากเรือนจำ

"ถือเป็นอี��หนึ่งคดีตัวอย่างที่จะเป็นบทเรียนของสังคม รักลูกหลานสอนให้เขาเป็นคนดี รักเพื่อนควรห้ามเพื่อน ไม่ทำผิดกฎหมาย ไม่ทำความเดือดร้อนให้ผู้อื่น เพราะความทุกข์จะกลับไปสู่คนในครอบครัวผู้ละเมิดกฎหมายเสียเอง" รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าว