ไม่พบผลการค้นหา
'พีระพันธุ์' โยน 'ประยุทธ์' ตัดสินใจร่วมวงดีเบตเอง ย้ำ รทสช.ไม่ใช้นโยบายสุดโต่งเหมือนบางพรรค มองแจกเงินดิจิทัลกระทบค่าเงินบาท ลั่นวลีไล่พวกชังชาติ อึดอัดก็อย่าอยู่ เปรยจับขั้วรัฐบาลกับพรรคที่ยึดชาติ ศาสน์ กษัตริย์และประโยชน์ประชาชน

วันที่ 12 เม.ย. 2566 พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงการวางคิวลงพื้นที่ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติ ว่า ขณะนี้ยังไม่มีการวางคิวและกำหนดการว่าจะให้ไปลงพื้นที่ตรงไหนบ้าง เพราะต้องให้พื้นที่พิจารณาว่ามีความเหมาะสมอย่างไร ส่วนพื้นที่เป้าหมายก็อยู่ทุกภาคอยู่แล้ว ขณะที่การวางคิวดีเบตของ พล.อ.ประยุทธ์ นั้น ตนยังไม่ทราบ เพราะขึ้นอยู่กับเรื่องและความเหมาะสม โดยที่ท่านจะเป็นผู้พิจารณาเอง

ส่วนกระแสของพรรครวมไทยสร้างชาติในตอนนี้ พีระพันธุ์ มองว่า ก็ดี ส่วนจำนวนเก้าอี้ ส.ส.นั้นตนไม่เคยกำหนดตัวเลข แต่จะต้องทำให้เยอะที่สุด ขณะที่การกำหนดนโยบายของพรรคนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้วางแนวทางไว้ให้ ซึ่งตรงกับแนวทางของพรรคที่ได้มีการกำหนดแนวทางมาตลอด ว่านโยบายของพรรคต้องรับผิดชอบต่อบ้านเมือง ไม่ได้คิดแต่เพียงแค่ให้ได้มาซึ่งคะแนนเสียง เพราะการจะมาเป็นผู้แทนราษฎรหรือทำหน้าที่บริหารประเทศเราต้องคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมไม่ใช่ส่วนตัว ถ้าเราเข้ามาโดยคิดถึงแต่ส่วนตัวก็จะบริหารประเทศไม่ได้และส่วนรวมไม่ได้ พร้อมย้ำว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้มอบแนวทางให้พรรคว่า การออกนโยบายต่างๆต้องไม่กระทบวินัยการเงินการคลังและงบประมาณ ถ้าเป็นไปได้ก็ควรคงงบประมาณเดิม หากจำเป็นต้องเพิ่มก็อย่ามาก และที่สำคัญอย่าให้กระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ

เมื่อถามว่า บางพรรคการเมืองออกนโยบายสุดโต่งจะมีผลกระทบต่อนโยบายของพรรครวมไทยสร้างชาติหรือไม่ พีระพันธุ์ กล่าวว่า ก็คงไม่ใช้วิธีแบบนั้นแต่ละพรรคมีวิธีที่แตกต่างกันไป สุดท้ายแล้วก็อยู่ที่ประชาชนพิจารณา

ส่วนกรณีนโยบายแจกเงินดิจิทัล ที่จะไปกระทบกับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ต้องยกเลิกนโยบายอย่างใดอย่างหนึ่งนั้น ตรงนี้ประชาชนก็ต้องพิจารณา เพราะไม่สามารถได้ทั้งหมด แต่ต้องมีทั้งได้และเสีย และที่สำคัญจะได้จริงหรือไม่ก็ยังไม่ทราบ และรูปแบบเงินแบบนี้จะกระทบต่อค่าเงินบาทหรือไม่ แต่ทั้งนี้ก็แล้วแต่พรรคเราไปวิจารณ์มากไม่ได้

เมื่อถามว่า ในช่วงสุดท้ายของการหาเสียงมีความกังวลใดๆหรือไม่ หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ตอบว่า ไม่มีความกังวล เพียงทำหน้าที่ให้ดีที่สุดก็พอแล้ว 

ส่วนกรณีที่ตนกล่าวบนเวทีปราศรัยใหญ่เมื่อวันที่ 7 เมษายน ที่ลั่นว่าจะจัดการพวกชังชาตินั้น ถูกตั้งข้อสังเกต พีระพันธุ์ ย้ำว่า ตนไม่ได้ตั้งขอสังเกต ตนบอกอย่างไรก็ว่าไปตามนั้น เหมือนสุภาษิตไทยที่ว่าคับที่อยู่ง่าย คับใจอยู่ยาก เพราะฉะนั้นใครที่อึดอัดใจก็คงอยู่ไม่ได้ ซึ่งเป็นเหมือนสุภาษิตไทย คับที่ไม่เป็นไร คับใจมันอึดอัด ดังนั้นถ้าเราอึดอัดก็อย่าอยู่แค่นั้นเอง

เมื่อถามว่า คำพูดดังกล่าวถูกมองว่าประเทศต้องการความสงบ หัวหน้าพรรค รทสช. กล่าวว่า ก็แล้วแต่คนจะมองว่าแบบไหนสงบ ตนขอไม่ไปวิพากษ์วิจารณ์เพราะทุกคนมีสิทธิและตนก็มีสิทธิที่จะคิดเช่นกัน ใครจะพูดอะไรก็พูดได้ และตนก็พูดตามความรู้สึก

เมื่อถามถึงกรณีที่คะแนนนิยมของแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ยังเป็นอันดับ 1 แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จะมีคะแนนสูงขึ้นนั้น ส่วนตัวมองว่า ไม่เป็นไร เพราะทั้งหมดอยู่ที่ประชาชน หน้าที่เราคือทำสิ่งที่ดีและเสนอสิ่งที่ดีที่สุดให้กับประชาชน

ส่วนการจับขั้วรัฐบาล สำหรับท่านอื่นตนไม่ทราบเพราะแต่ละคนแตกต่างกัน แต่ตนไม่เคยทำแบบนั้น 

เมื่อถามย้ำว่า สำหรับพรรคก้าวไกลและเพื่อไทยรวมไทยสร้างชาติจะไม่จับมือใช่หรือไม่ พีระพันธุ์ กล่าวว่า ไม่ใช่ ตนยังไม่เคยพูดเลย และทุกครั้งที่ให้สัมภาษณ์คือพรรคที่จะทำงานร่วมกันได้ต้องยึดมั่นในอุดมการณ์เดียวกันคือ ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประโยชน์ของประชาชน ซึ่งจะเป็นพรรคไหนก็แล้วแต่ หากทำงานเพื่อสถาบันหลักของชาติบ้านเมืองก็ทำงานด้วยกันทั้งนั้น