เครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า กลุ่มลาขาดควันยาสูบ (ECST) เปิดเวทีไลฟ์สดผ่านเฟซบุกส์ “บุหรี่ไฟฟ้าคืออะไร” เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการรณรงค์ควบคุมยาสูบในวันงดสูบบุหรี่โลก
หนึ่งในแขกรับเชิญ คือ วรภพ วิริยะโรจน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) สังกัดพรรคก้าวไกล ซึ่งเข้ามาร่วมพูดคุยในหัวข้อ “นโยบายของรัฐกับการแก้ไขปัญหาความอันตรายจากการสูบบุหรี่”
โดย วรภพ ให้ความเห็นว่า ปัจจุบันตลาดบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทยมีมูลค่ามหาศาล อาจมากกว่า 10,000 ล้านบาทต่อปี ทั้งยังมีผู้ใช้จำนวนมาก "แม้แต่ในรัฐสภาเอง"
ด้วยเหตุนี้ เงินภาษีจำนวนมากจากการซื้อขายดังกล่าวจึงควรจะถูกจัดเก็บเป็นรายได้เข้าประเทศ แต่รัฐบาลกลับเสียโอกาสในการเก็บภาษีส่วนนั้นเพราะมาตรการแบนที่มองจากมุมไหนก็มีแต่ผลเสีย ทั้งยังเป็นการกีดกันเสรีภาพของผู้บริโภค และเปิดช่องการทุจริตของเจ้าหน้าที่รัฐที่จับกุมรีดไถผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า
ผู้ที่ได้ประโยชน์จากการแบนครั้งนี้ กลับมีเพียงกลุ่มผู้ค้าของเถื่อนที่นำเข้าและจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าอย่างผิดกฏหมาย ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะมีความต้องการใช้เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี ทางแก้ที่สำคัญคือควรจะนำบุหรี่ไฟฟ้ากลับเข้ามาควบคุมให้อยู่ในระบบอย่างถูกต้องจะดีกว่า
วรภพ ยังแนะว่าการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าให้ถูกกฎหมายจะเป็นแรงขับเคลื่อนในการปรับตัวของการยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) ในการพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ที่จะสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค
“นวัตกรรมหรืออินโนเวชั่นที่เข้ามาทำให้ผู้สูบบุหรี่เปลี่ยนไปใช้บุหรี่ไฟฟ้ากันมากขึ้น หาก ยสท. ไม่ปรับตัวให้ทัน เราก็เสียโอกาสเพิ่มขีดความสามารถในการตอบสนองความต้องการผู้บริโภค รวมถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นกับชาวไร่ยาสูบที่ขาดรายได้"
"ถ้ารัฐบาลสามารถปลดล็อคเรื่องนี้ได้ เปิดโอกาสให้ภาคเอกชนไทยสามารถประกอบธุรกิจเพื่อแข่งขันกับต่างชาติ เศรษฐกิจไทยคงจะได้ประโยชน์จากอุตสาหกรรมบุหรี่และยาสูบมากขึ้นอย่างแน่นอน”
วรภพ ทิ้งท้ายว่า งานวิจัยจำนวนไม่น้อยระบุถึงข้อดีของบุหรี่ไฟฟ้าในมิติการปราศจากการเผาไหม้สันดาป จึงไม่ทำให้เกิดสารทาร์ (Tar) ซึ่งเป็นน้ำมันที่เกิดจากกระบวนการเผาไหม้ยาสูบและเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เป็นมะเร็งปอด นอกจากนี้ บุหรี่ไฟฟ้ายังไม่ทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์แบบบุหรี่มวนด้วย