วันนี้ (20 พฤศจิกายน 2567) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลประกาศเกียรติคุณเป็น “ค่าของแผ่นดิน” ประจำปี พ.ศ. 2566 ให้แก่ บุคคล หน่วยงาน และโครงการที่มีผลงานโดดเด่นเป็นที่ประจักษ์มีคุณค่าแก่การยกย่อง และมีคุณค่าแก่การชื่นชม เพื่อยกย่องเชิดชูเกียรติ และเป็นขวัญกำลังใจที่ทำคุณประโยชน์ให้แก่ประชาชน สังคม และประเทศชาติ รวมทั้งเป็นต้นแบบแห่งการสร้างสรรค์ความดี อันพึงเป็นคุณลักษณะที่ดีแก่สังคมไทยด้วย โดยมีนายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีนางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมด้วย

นายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร มอบรางวัลประกาศเกียรติคุณเป็น “ค่าของแผ่นดิน” ประจำปี 2566 ให้บุคคล หน่วยงาน และโครงการที่ผ่านการคัดเลือก จำนวน 27 ราย รวม 7 ด้าน แบ่งเป็น ผู้ที่ได้รับโล่ประกาศเกียรติคุณ จำนวน 20 ราย และได้รับใบประกาศเกียรติคุณจำนวน 7 ราย ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวแสดงความมยินดีและชื่นชมผู้ที่ได้รับรางวัลประกาศเกียรติคุณ “ค่าของแผ่นดิน” ประจำปี 2566 ว่า เมื่อเห็นประสบการณ์ ในการทำงาน การดำรงชีวิต อันทรงคุณค่า รู้สึกได้ว่าทุก ๆ ท่านมีความตั้งใจและมีความทุ่มเท ซึ่งการที่จะได้มารับรางวัลในวันนี้ต้องผ่านการคัดเลือกอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นทั้งด้านบุคคล หน่วยงานหรือโครงการซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการผลักดันด้านต่าง ๆ ในการขับเคลื่อนประเทศ เพื่อการทำงานร่วมกับรัฐบาลที่มีเป้าหมายที่จะทำให้ประชาชนมีความสุข มีความกินดีอยู่ดีเป็นที่ประจักษ์ว่า ประชาชนคือหัวใจของรัฐบาล คือหัวใจของประเทศ ดังนั้นทุกท่านถือเป็นกำลังสำคัญที่จะทำให้ประชาชนมีความสุข

“ขอขอบคุณ และขอให้ทุกท่านทำงานอย่างตั้งมั่น มั่นคง เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้อื่นที่อยู่รอบข้าง เพราะในวันนี้ทุกท่านที่ได้รับรางวัลที่ ถือว่าเป็นความภูมิใจไม่ใช่แค่กับตัวท่านเองแต่ขอมั่นใจว่าเป็นความภูมิใจสำหรับคนใกล้ชิดด้วย รวมถึงยังเป็นความภาคภูมิใจของประเทศไทย และขอชื่นชมยกย่องที่ท่านทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อยและทำงานทุกอย่างเพื่อประเทศชาติและประชาชน” นายกรัฐมนตรีกล่าว

ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรี กล่าวขอบคุณผู้ที่ได้รับรางวัลที่ช่วยกันผลักดันนโยบายต่างๆ พร้อมทั้งจะผลักดันเรื่องดีต่างๆ ให้กับประเทศชาติต่อไป โดยยืนยันว่ารัฐบาลพร้อมสนับสนุนการทำงาน โดยยึดผลประโยชน์และความสุขของประชาชนเป็นหลักต่อไป