พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.ชัยนาทและสิงห์บุรี เพื่อติดตามมาตรการรองรับสถานการณ์ขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้งปี 64/65 และแผนบริหารจัดการการเพาะปลูกพืชฤดูแล้งในเขตพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยา โดยมี รังสรรค์ ตันเจริญ ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท กล่าวต้อนรับ ชยันต์ เมืองสง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สนทช.) รายงานสถานการณ์น้ำในภาพรวมการบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูแล้งและมาตรการรองรับสถานการณ์ขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้งปี 64/65 และผู้แทนกรมชลประทาน นำเสนอแผนบริหารจัดการน้ำและแผนการเพาะปลูกพืชฤดูแล้งในเขตพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยา พร้อมด้วยผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลมีความห่วงใยต่อสถานการณ์น้ำในพื้นที่ภาคกลางในช่วงแล้งนี้ เนื่องจากสถานการณ์น้ำปัจจุบันของ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา (ข้อมูล 24 ม.ค.65) ได้แก่ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยฯ และเขื่อนป่าสักฯ มีปริมาณน้ำใช้การรวมกันอยู่ที่ 6,616 ล้าน ลบ.ม. หรือ 36% โดยเขื่อนภูมิพลและสิริกิติ์อยู่ในเกณฑ์น้ำน้อย สำหรับสถานการณ์การเพาะปลูกข้าวรอบที่ 2 ในช่วงฤดูแล้ง ปี 2564/65 พื้นที่ในเขตชลประทาน 22 จังหวัด ในลุ่มน้ำเจ้าพระยาและลุ่มน้ำข้างเคียง มีการเพาะปลูกไปแล้ว 3.63 ล้านไร่ จากแผน 2.81 ล้านไร่ ในวันนี้จึงได้ลงพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำและแผนบริหารจัดการการเพาะปลูกพืชฤดูแล้งในเขตพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา รวมถึงแผนการปลูกข้าวนาปรังในเขตพื้นที่ลุ่มต่ำที่ได้รับผลกระทบจากการผันน้ำเข้าทุ่งในช่วงอุทกภัยที่ผ่านมา เพื่อเร่งชดเชยผลกระทบเพื่อให้เกษตรกรมีน้ำทำนาตลอดฤดูการเพาะปลูก
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้สามารถบริหารจัดการน้ำได้ตามแผนที่วางไว้ ได้กำชับให้ สทนช. กรมชลประทาน กรมส่งเสริมการเกษตร และกระทรวงมหาดไทย ควบคุมการใช้น้ำให้เป็นไปตามแผนที่คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) เห็นชอบ รวมทั้งให้ทุกหน่วยงานเร่งรัดแผนงาน/โครงการพัฒนาแหล่งน้ำต่างๆ ในพื้นที่ ที่ได้รับงบประมาณให้เสร็จโดยเร็ว โดยเฉพาะโครงการที่ได้รับงบกลางไปแล้ว เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชนโดยเร็ว
พร้อมเร่งประชาสัมพันธ์ข้อมูลสถานการณ์น้ำเพื่อสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง และเกิดความร่วมมือในการใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า ทั้งนี้ รัฐบาลมุ่งหวังให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและยังคงมุ่งมั่นบูรณาการขับเคลื่อนโครงการเพื่อแก้ไขปัญหาด้านน้ำในทุกมิติอย่างเป็นระบบและเกิดความมั่นคงด้านน้ำอย่างยั่งยืนต่อไป
ด้าน รองเลขาธิการ สทนช. กล่าวว่า นอกจากการติดตามแผนบริหารจัดการน้ำและการเพาะปลูกพืชลุ่มน้ำเจ้าพระยาแล้ว พล.อ.ประวิตร ยังได้ติดตามโครงการพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อบรรเทาและแก้ไขปัญหาภัยแล้งที่มีผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่เป็นการเร่งด่วน โดยมอบให้กรมชลประทาน เร่งดำเนินการเตรียมความพร้อมเรื่องที่ดิน การสำรวจ และออกแบบของโครงการสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้า ต.ประศุก และโครงการแก้มลิงหนองอ้อ ต.ทองเอน ในเขต อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี โดยให้ สทนช. กำกับขับเคลื่อนการดำเนินงานให้เป็นรูปธรรมอย่างรวดเร็ว อีกทั้งเน้นย้ำจังหวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ความร่วมมือสนับสนุนโครงการดังกล่าวให้เกิดขึ้นโดยเร็ว
นอกจากนี้ รองนายกรัฐมนตรี ยังได้ลงพื้นที่ติดตามโครงการซ่อมสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก สายที่ 52 ม.12 ต.ไม้ดัด อ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี ซึ่งเป็นเส้นทางหนึ่งที่มีความสำคัญที่ประชาชนใช้สัญจรไปมาและขนย้ายพืชผลทางการเกษตร และโครงการสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าตำบลหัวป่า ที่กรมชลประทานได้ดำเนินการแล้วเสร็จ เพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้งสามารถช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่ 3 ตำบล กว่า 1,400 ไร่ ด้วย