'องอาจ สุวรรณกุล' ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แสนสิริพัฒนาโครงการ 'เดอะ เบส เพชรบุรี-ทองหล่อ' เน้นกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่อายุน้อยที่ต้องการมีที่พักเพื่อการอยู่อาศัยจริงๆ โดยตั้งราคาโครงการเดอะเบส (เพชรบุรี-ทองหล่อ) ไว้ที่ราคาเริ่มต้นราว 2.69 ล้านบาท หรือเฉลี่ยประมาณ 90,000 บาท/ตารางเมตร เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าในราคาที่จับต้องได้มากขึ้น เมื่อเทียบกับราคาคอนโดอื่นๆในย่านนี้
อย่างไรก็ตาม โครงการนี้มีมูลค่าโครงการทั้งสิ้น 2,000 ล้านบาท เป็นอาคารที่พักอาศัย 36 ชั้น 496 ยูนิต บนพื้นที่ประมาณ 2 ไร่ บนถนนเพชรบุรีตัดใหม่
'อุปสงค์จริง' ปัจจัยอุ้มอสังหาฯ
สำหรับการเลือกสร้างคอนโดมิเนียมในกลุ่มตลาดราคา 3 ล้าน เป็นกลยุทธ์ที่ 'องอาจ' มองว่าสามารถให้ผลตอบแทนได้จริง เนื่องจากเป็นการจับกลุ่มลูกค้าที่หวังเข้ามาอยู่อาศัยจริง
การพัฒนาโครงการ 'เดอะ เบส เพชรบุรี-ทองหล่อ' บริษัทจึงตั้งเป้าหมายการซื้อเพื่ออยู่อาศัยไว้ถึงร้อยละ 90 ส่วนการซื้อเพื่อการลงทุนมีเพียงร้อยละ 10 เท่านั้น ซึ่งสอดคล้องกับตัวเลขที่บริษัทตั้งเป้าผู้ซื้อเป็นชาวไทยถึงร้อยละ 85 และเป็นชาวต่างชาติราวร้อยละ 15
ขณะที่ แผนพัฒนาตลาดคอนโดมิเนียมในช่วงราคา 3 ล้านในต่างจังหวัดนั้น 'องอาจ' กล่าวว่า บริษัทมองจากอุปสงค์ในจังหวัดนั้นๆ เป็นหลัก ซึ่งปัจจุบันมีโครงการในกลุ่มราคา 3 ล้านต้นๆ ในต่างจังหวัดเพียง 3 แห่ง ได้แก่ ภูเก็ต อุดรธานี และขอนแก่น
โดยยังไม่มีแผนพัฒนาโครงการราคานี้ในจังหวัดอื่นๆ นอกเหนือจากปัจจัยด้านอุปสงค์ แต่ยังคอยดูโอกาสเสมอ
LTV ไม่กระทบอสังหาฯ (มากนัก)
สำหรับประเด็นภาคอสังหาริมทรัพย์ไทยปัจจุบันมีแรงต้านค่อนข้างมากจากปัจจัยด้านเศรษฐกิจทั้งภายในและภายนอกของประเทศเข้ามาบั่นทอนกำลังซื้อของลูกค้า ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. ออกมาตรการควบคุมสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์หรือ มาตรการ LTV โดยกำหนดอัตราส่วนเงินดาวน์สำหรับการซื้อที่พักอาศัยหลังที่สอง หวังลดการปล่อยกู้เพื่อการเก็งกำไรและมีผลบังคับใช้แล้วเมื่อวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมานั้น
แม้ในช่วงเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา ธปท. จะออกมาผ่อนปรนกฏเกณฑ์เล็กน้อยแต่ก็ถือว่ายังมีผลกระทบอยู่ไม่น้อย
ในประเด็นนี้ 'องอาจ' ย้ำว่า มาตรการ LTV ไม่ได้มีผลกระทบกับยอดการขายโครงการคอนโดมิเนียมของแสนสิริมากนัก เพราะทั้งฝั่งผู้พัฒนาโครงการและลูกค้าเองมีการปรับตัวตลอด
สำหรับแสนสิรินั้น 'องอาจ' ชี้ว่า บริษัทมีการติดต่อกับธนาคารเพื่อเข้ามาประเมินศักยภาพด้านการเงินของลูกค้าก่อนที่จะมีการทำสัญญาซื้อขายจริง จึงช่วยเรื่องการถูกปฎิเสธการยื่นกู้ได้สูง และชี้ว่ามาตรการ LTV ไม่มีผลกับภาพรวมการขายอสังหาริมทรัพย์ของบริษัท
ขณะที่ เป้าหมายของแสนสิริประจำปี 2562 คือเป้าการโอนมูลค่า 32,000 ล้านบาท ซึ่งแบ่งเป็นโครงการแนวราบร้อยละ 51 และโครงการคอนโดมิเนียมร้อยละ 49 หรือคิดเป็นเม็ดเงิน 12,300 ล้านบาท สำหรับคอนโดฯ ทั้งหมด 10 โครงการ
อย่างไรก็ตาม ปฏิเสธไม่ได้ว่าสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันส่งผลกระทบต่อผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไม่น้อย เนื่องจากแผนที่วางว่าจะเปิดตัวโครงการของแสนสิริในช่วงครึ่งหลังปี 2562 แท้จริงแล้วมีทั้งหมด 12 โครงการ แต่สามารถเปิดตัวจริงได้เพียง 6 โครงการเท่านั้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง;