เศรษฐกิจ
ครม.สัญจร เมื่อความคิดถึงของ 'ประยุทธ์' ไม่ถึงใจ 'ประชาชน'
"คิด แต่ไม่ถึง คิดๆ แต่ไม่ถึง" น่าจะบอกเล่าถึงสภาพการณ์ความพยายามของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในยามนี้ได้ดี เมื่อความคิดความพยายามจะสื่อสาร ลงพื้นที่ พูดคุยชาวบ้านร้านตลาด ร้องเพลงปลุกใจ ย้ำวลี "รวมไทยสร้างชาติ" หลายต่อหลายครั้งของ พล.อ.ประยุทธ์ กลับเป็นความคิดที่ยังเข้าไม่ถึง 'ใจ' ประชาชน ที่กำลังเดือดร้อนต้องดิ้นรนจากปัญหาเศรษฐกิจ และโควิด-19
ในยามที่ 'ความหวัง' ก็ลดลงเรื่อยๆ ตามสภาพการบริหารบ้านเมืองเข้าปีที่ 7 ของพล.อ.ประยุทธ์
สภาวการณ์ที่สะท้อนจากเสียงพ่อค้าแม่ขายตั้งแต่ตลาดในเมืองระยองถึงริมหาดสวนสน แกลง ในช่วงการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร (ครม.สัญจร) เมื่อวันที่ 24-25 ส.ค. 2563 เมื่อเสียงสะท้อนดังขึ้น "ไม่ไหว ก็พัก" หรือ "อยากให้ท่านลาออก" ดังขึ้น ท่ามกลางความพยายาม "รวมไทยสร้างชาติ" ของพล.อ.ประยุทธ์
แม้ 'ระยอง' เป็นจังหวัดที่ขึ้นชื่อว่ามีรายได้ต่อหัวประชากรสูงสุดในประเทศ ตามข้อมูลสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล ระบุว่า เมื่อปี 2561 ระยองมีผลิตภัณฑ์มวลรวม (จีดีพี) สูงเป็นอันดับ 3 ของประเทศ คือ มีมูลค่า 1.045 ล้านล้านบาท ประชากรในพื้นที่มีรายได้เฉลี่ย 1.067 ล้านบาทต่อคนต่อปี สูงเป็นอันดับ 1 ของประเทศ
แต่ 'คนระยอง' บางส่วนสะท้อนว่า ตัวเลขรายได้เฉลี่ยรายหัวประชากรในจังหวัดที่สูงนั้น ไม่ได้ถึงมือคนระยองท้องถิ่นสูงขนาดนั้น เพราะคำว่า 'ค่าเฉลี่ย' เป็นการเฉลี่ยมาจากภาคอุตสาหกรรม เนื่องจากเศรษฐกิจของระยองมีรายได้จากภาคอุตสาหกรรมในสัดส่วนสูงถึง 80.4% ขณะที่ภาคบริการ สัดส่วน 17.7% และภาคเกษตรล่าสัตว์และการป่าไม้ สัดส่วน 1.8% เท่านั้น
- นายกฯ และรองนายกฯ พบปะผู้ประกอบการจังหวัดระยองที่ตลาดสินค้าครบวงจร เทศบาลบ้านเพ (ตลาดร้อยเสา)
'โชติชัย บัวดิษฐ์' นายกสมาคมการค้าท่องเที่ยวเชิงเกษตรเพื่อสุขภาพโดยชุมชน จ.ระยอง บอกว่า คนทั่วไปอาจมองว่า ระยองเป็นจังหวัดที่มีรายได้เฉลี่ยต่อหัวประชากรสูงสุดในประเทศ แต่รายได้เหล่านั้นตกเป็นของคนจากข้างนอกที่เข้ามาทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ในระยองมากกว่า ถ้าเป็นคนระยองจริงๆ โดยเฉพาะในภาคเกษตรแทบไม่ได้ส่วนนี้
ดังนั้น ในการประชุมที่จะพบกับนายกรัฐมนตรีช่วง ครม.สัญจร ระยอง-จันทบุรี (24-25 ส.ค. 2563) จึงเสนอให้ทางราชการปล่อยงบศึกษาดูงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เพื่อให้ อบต. อบจ.ตามจังหวัดต่างๆ ได้มีงบดูงานสัมมนาและดูงานท่องเที่ยวที่จ.ระยองได้ เพราะทุกวันนี้เพียงโครงการ 'กำลังใจ' ที่ให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) กับเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ออกมาท่องเที่ยว ยังไม่ครอบคลุมคนอีกจำนวนมากที่น่าจะเป็นลูกค้าหลัก ทดแทน 'นักท่องเที่ยวต่างชาติ' ที่หดหายเพราะโควิด-19
อีกด้านคือสนับสนุนการทำโครงการอาหารปลอดภัย อยากให้มีงบทำวิจัยและพัฒนาสำหรับการนำภาคเกษตรและภาควิทยาศาสตร์เทคโนโลยีมาร่วมทำงานกัน เช่น การทำแปลงเกษตรอัจฉริยะ ซึ่งต้องอาศัยความต่อเนื่องและงบประมาณ เป็นต้น
- พิศมัย ศุภนันตฤกษ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดระยอง
ในภาคท่องเที่ยว 'พิศมัย ศุภนันตฤกษ์' ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดระยอง ชี้ว่า เศรษฐกิจระยองมีรายได้จากการท่องเที่ยวในสัดส่วนประมาณ 20% แต่ก็ยังมีปัญหาที่กลุ่มผู้ประกอบการโรงแรมที่ดัดแปลงอาคารมาจากหอพัก อพาร์ตเมนต์ คอนโดมิเนียม ที่มีมากถึง 70% ของผู้ประกอบการทั้งหมด ยังไม่ได้มีใบอนุญาตประกอบกิจการโรงแรม ซึ่งถ้าสามารถยืดหยุ่นกฎระเบียบตรงนี้ได้ ก็ทำให้เชื่อว่า ภาคท่องเที่ยวในระยองจะสามารถสร้างรายได้ให้มีสัดส่วนมากกว่า 20% ได้
"ผู้ประกอบการจำนวนมากก็อยากมีใบอนุญาตที่ถูกต้อง เพราะเขาจะได้สามารถเข้าร่วมโครงการสนับสนุนภาคท่องเที่ยวของรัฐได้" พิศมัย กล่าว
ผู้ค้าในตลาดถึงริมหาดสวนสนร้องระงมขายของไม่ดี
ส่วนพ่อค้าแม่ขายในตลาดไปจนถึงผู้ประกอบการรายย่อย ไม่ว่าจะเป็นแพปลาหรือร้านอาหารริมทะเลต่างก็ต้องการสะท้อนสภาพปัญหาของการค้าขายทั้งจากภาวะเศรษฐกิจซบเซา และผลกระทบจากโควิด-19 ให้นายกฯ มารับฟังรับทราบและหาทางแก้ปัญหา
"ช่วงโควิด 2-3 เดือนเมื่อต้นปี เราขายอาหารยังพอได้ เพราะยังพอมีคนในจังหวัดมาซื้อกิน แต่ช่วงโควิด เราต้องลดเงินเดือนลูกจ้าง บางคนต้องขอให้เขาพักงานกลับไปอยู่บ้าน จนกระทั่งรัฐบาลค่อยๆ ผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรค เราก็ค่อยๆ ขายดีขึ้น มีคนกลับมาเที่ยวระยองเยอะขึ้น ขายได้วันละ 2-3 หมื่นบาท
"แต่พอเจอกรณีทหารอียิปต์เท่านั้นแหละ โอ๊ย เงียบมากๆ ลูกค้าไม่มีเลย ช่วงนั้นที่ร้านขาดทุนไป 4 แสนบาท เพราะพอคลายล็อก เราสั่งซื้อของสดมาสต็อกไว้ขายล่วงหน้าเยอะ ลูกน้องก็เรียกกลับมาทำงาน แต่เปิดได้ 2 สัปดาห์เท่านั้นแหละ เจอเคสอียิปต์เลย นับตั้งแต่สัปดาห์นั้นถึงทุกวันนี้ ขายได้วันละหลักพัน แต่ต้องดูแลลูกจ้าง 10 คน" เจ้าของร้านอาหารริมหาดสวนสน กล่าว
- ร้านอาหารริมหาดสวนสนในเย็นวันจันทร์ที่ 24 ส.ค.ภายหลังคณะนายกฯ ลงพื้นที่เยี่ยมชมกลุ่มประมงเรือเล็กพื้นบ้านสวนสน
ร้านอาหารแห่งนี้ตั้งอยู่ในย่านกลุ่มประมงเรือเล็กพื้นบ้านสวนสน แกลง จุดที่พล.อ.ประยุทธ์ เพิ่งเดินทางไปเยี่ยมชมวิถีกลุ่มประมงเรือเล็กพื้นบ้าน พร้อมปล่อยแม่พันธุ์ปูม้าสู่ทะเลในช่วงเย็นวันที่ 24 ส.ค. ที่ผ่านมา ในทริป ครม.สัญจร ระยอง -จันทบุรี
ส่วนสมาชิกกลุ่มประมงเรือเล็กพื้นบ้านสวนสน แกลง อีกราย บอกเล่าว่า "นายกฯ มาตรงนี้ แต่แกไม่ได้เดินมาถึงแผงขายของของเรา แกเดินมาตรงร้านแรกๆ เราก็อยากให้แกเดินมาตรงนี้ เพราะอยากให้มาช่วยซื้อของ วันนี้ (24 ส.ค.) ตำรวจปิดถนนเลียบหาดตั้งแต่เที่ยง ไม่มีใครเข้ามาซื้อของเลย ขายไม่ได้ตั้งแต่เที่ยง แต่เมื่อวาน (23 ส.ค.) ธนาธรนั่งสามล้อมา รถก็ไม่ติด ถนนก็ไม่ปิด แล้วคนที่มาก็ซื้อของที่ร้านกันหลายร้อย ก็ได้ขายของกันทั้งหมด"
"เราไม่อยากออกชื่อ ไม่อยากให้ชุมนุมมีปัญหา แต่นี่ก็พูดจากที่เห็น นายกฯ มา เราก็ดีใจ เพราะไม่ว่าจะยังไง เขาก็เป็นนายกฯ ของเรา ท่านมาเราก็ยินดี เพราะมาแล้วก็น่าจะช่วยให้คนที่อื่นๆ มั่นใจจะมาเที่ยวระยอง ให้คนอื่นไม่กลัวคนระยองเรื่องโควิด เราก็อยากให้นายกฯ ให้ความมั่นใจกับคนอื่นๆ ตรงนี้" แม่ค้าขายอาหารทะเลริมหาดสวนสน กล่าว
- แผงขายอาหารทะเลของกลุ่มประมงเรือเล็กพื้นบ้านสวนสน แกลง ช่วงเย็นหลังจากคณะนายกฯ เดินทางกลับ
คนค้าขายริมหาดริมทะเล ต่างหวังว่า วันหยุดชดเชยสงกรานต์ 4-7 ก.ย.ตามที่รัฐบาลประกาศเป็นวันหยุดราชการในช่วงต้นเดือน ก.ย.นี้ จะเป็นแรงส่งให้คนมาท่องเที่ยวจับจ่ายใช้สอย ซื้อสินค้าของพวกเขาเพิ่มขึ้นบ้าง
คนซื้อน้อย คนขายกินทุน มีแต่แย่กับแย่
ส่วนเจ้าของกิจการในระยองหลายแห่ง พอรู้ว่า นายกฯ จะมาระยองอีกครั้งหลังกรณีทหารอียิปต์ ต่างก็อยากให้มาเยี่ยมถึงร้าน เพราะจะได้เล่าสภาพปัญหาการทำมาค้าขายให้ถึงหูนายกฯ บางรายบอกว่า อยากให้นายกฯ ช่วยสร้างความมั่นใจให้คนในจังหวัดอื่นๆ ให้มาเที่ยวระยอง เพราะหลังกรณีทหารอียิปต์ พบว่าคนจังหวัดอื่นไม่กล้ามาเที่ยว รวมถึงไม่เปิดรับคนระยองให้เข้าไปในพื้นที่ด้วย ส่งผลให้การค้าขายลำบากมาก
'จิ๊บ' แม่ค้าแผงผักในตลาดสดสตาร์ จ.ระยอง จุดที่ใกล้โรงแรมสตาร์ คอนเวนชั่น ที่จัดประชุม ครม.สัญจร ในระยะทางเพียง 300-400 เมตร เล่าว่า ครอบครัวขายผัก มีแผงขายของในตลาดนี้มานานกว่า 10 ปี แต่ด้วยสภาพเศรษฐกิจและโควิด-19 ตอนนี้มีคนค้าขายในนี้ลดลงเกือบ 2 เท่า เพราะคนซื้อก็น้อยลง เจ้าไหนไม่มีลูกค้าประจำก็แย่ แล้วหลายคนก็ทำจนกินทุน จนไปต่อไม่ได้ เป็นสภาพที่คนอยู่ได้ก็อยู่แบบค้าขายไม่คล่องมือนัก คนอยู่ไม่ได้ก็ต้องย้ายออกไปหรือเลิกกิจการไป
เธอเล่าว่า การค้าขายในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา มีแต่ซบเซา ร้านเธอเป็นของตากับยายที่อยู่ในตลาดมานาน ขายผักทั้งแบบส่งและปลีก อยู่กับคนระดับรากหญ้า ยุคก่อนเวลาคนมาซื้อของเจอทุกคนยิ้มแย้มแจ่มใส แต่มาตอนนี้ทุกคนส่ายหัว บ่นกันแต่ว่าขายไม่ดี ลูกค้าที่ร้านเป็นกลุ่มร้านค้า ร้านอาหาร เมื่อสอบถามเขาว่า "ขายของดีมั้ย" ถาม 20 คน ส่ายหัวกันทุกคน และเวลามาซื้อของก็จะซื้อกันนิดเดียว พลอยทำให้คนขายส่งก็ลำบากกันไปด้วย เพราะการค้ามันเป็นลูกโซ่
- แผงขายผักค้าส่งขายปลีกในตลาดสดสตาร์ อ.เมืองระยอง
"โดยส่วนตัวนะคะ ใจเราก็อยากให้นายกฯ ลาออกไปก่อน คือเราไม่ได้โกรธ ไม่ได้เกลียดเขา ไม่ได้มีนัยอื่นเลย แต่ในฐานะประชาชนคนไทยคนหนึ่ง ในฐานะที่เห็นเขาบริหารประเทศมา 6 ปีแล้ว เขาต้องมีสปิริต อยากบอกว่า ท่านลาออกเถอะแล้วให้ใครก็ได้ที่มีความสามารถมาบริหาร เผื่อเราจะมีความหวังบ้าง" จิ๊บ กล่าว
ความรู้สึกของคนค้าขายในตลาดสดสตาร์ กลางเมืองระยอง ซึ่งเป็นจุดที่ใกล้สถานที่ประชุม ครม.สัญจรมากที่สุด สะท้อนผ่าน 'เจ้าของร้านวันสตาร์ ฟลอริส' แผงขายดอกไม้และรับจัดดอกไม้สดดอกไม้แห้งทั้งในและนอกสถานที่ อีกราย ที่เล่าว่า เธอมาค้าขายในตลาดนี้ได้ 5-6 ปีแล้ว เมื่อช่วงเริ่มต้นมาขายในตลาดนี้มีรายได้เฉลี่ยวันละ 10,000 บาท กระทั่งช่วงโควิด-19 ระยะเวลา 3 เดือนกว่าๆ เมื่อต้นปี คนก็หายไปเยอะ ไม่มีคนเดินเลย สภาพการค้าก็แย่
พร้อมกับยอมรับว่าแย่มาตลอด 3-4 ปีที่ผ่านมานี้ ยิ่งช่วงนี้ขายของได้หลัก 1,000 บาทเท่านั้น ถ้าวันใดขายได้ 2,000-3,000 บาท เธอบอกว่า "ก็หรูแล้ว" ทั้งที่เปิดร้านตั้งแต่ตี 5 ถึง 3 ทุ่ม "วันโกนวันพระเปิดถึงเที่ยงคืนด้วยซ้ำ"
เธอเล่าต่อว่า ช่วงที่พอสถานการณ์โควิดเริ่มดีขึ้น มีนายกฯ เข้ามาเยี่ยมตลาด ก็มีคนไม่ชอบเยอะ ตลาดก็ซบเซาไปหน่อย แล้วพอมีโควิดอียิปต์ซ้ำอีกเหตุการณ์ คนเดินตลาดก็น้อยมากอย่างที่เห็น ร้านที่ขายข้างหลังเธอก็ต้องคืนแผง ย้ายออกไป รายได้ไม่พอ สู้ค่าเช่าไม่ไหว ส่วนร้านเธออยู่ได้เพราะมีลูกค้าประจำ
"ถ้าใครไม่มีลูกค้าประจำก็คงจบเหมือนกัน" เจ้าของร้านดอกไม้ กล่าว
- ตลาดสดสตาร์ใน อ.เมืองระยอง มีพ่อค้าแม่ขายมาตั้งแผงตั้งแต่เวลา 03.00 - 21.00 น. มีทั้งผักผลไม้ เนื้อสัตว์ ดอกไม้ ร้านอาหารให้บริการ
สภาพการค้าที่คนซื้อก็มีจำนวนน้อยลง กำลังซื้อลดลง ส่วนคนขายทุนรอนก็ร่อยหรอ เกิดเป็นภาวะคนอยู่ได้ก็อยู่ไป อยู่ไม่ได้ก็ต้องออกไป เป็นสภาพที่ไม่น่าจะเกิด ก็เกิดขึ้นแล้ว ยิ่งร้านใดไม่มีทุนหนา ไม่มีลูกค้าประจำ ยิ่งเป็นกลุ่มแรกที่ต้องออกจากตลาดนี้
'เจ้าของร้านเพลงหมูอนามัย' แผงขายหมูในตลาดสดสตาร์ เล่าว่า เธอขายของที่นี่มาตั้งแต่ 5 ปีที่แล้ว นับวันก็พบว่า คนหายไปเรื่อยๆ คือหายไปทั้งคนขายคนซื้อ คนขายที่ไม่มีทุนขายไม่ไหว ก็ต้องปิดร้านไป ตลาดก็เงียบ เศรษฐกิจก็อย่างนี้ อย่างที่ร้านของเธอ เมื่อก่อนอาจจะสั่งหมูจากโรงเชือดวันละ 2 ตัว แต่เดี๋ยวนี้ เธอบอกว่าแค่ตัวเดียวก็ขอให้ขายให้หมดเถิด
"ปีแรกๆ ที่มาขายที่นี่ เราเปิดขายตั้งแต่ตี 5 ถึง 3 ทุ่ม เพราะตอนนั้นมาแรกๆ ต้องหาลูกค้า แต่พอเวลาผ่านมา แทนที่เรามีลูกค้ารู้จักแล้วน่าจะขายได้มากขึ้น แต่มันก็ไม่ใช่ เพราะสภาพเศรษฐกิจแบบนี้ มันก็ไม่ได้ขายได้มากขึ้น ทั้งที่มีลูกค้ารู้จักเรามากขึ้นแล้ว เราอาจได้ปิดร้าน กลับบ้านเร็วขึ้น แต่ยอดขายก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นหรอก" เจ้าของเขียงหมู กล่าว
- แม่ค้าเขียงหมูในตลาดสดสตาร์ อ.เมืองระยอง
สำหรับร้านเพลงหมูอนามัยมีลูกค้าประจำเป็นคนงานบนเรือขนน้ำมัน ที่จะมาสั่งซื้อหมูจากร้านเธอนำไปปรุงอาหารระหว่างออกเรือทำงาน เป็นลูกค้าขาประจำ ที่ซื้อของกับเธอในทุกช่วงเวลา โดยเฉพาะช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา ที่เรือน้ำมันยังทำงาน ก็มีลูกค้าเหล่านี้มาซื้อของทำให้ที่ร้านพอมีรายได้อยู่มาได้
เมื่อถามว่า เธอคิดเห็นอย่างไรกับเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เธอถามกลับว่า มันเป็นยังไง ก็เคยได้ยิน แต่ไม่รู้หรอก
"เพราะที่ระยองก็มีนิคมฯ มาบตาพุดแล้ว คนโรงงานก็ไม่ได้มาซื้อกินอะไรที่นี่มาก ถ้ามีอีอีซี มีโรงงานอย่างมาบตาพุด อาจช่วยท่องเที่ยวบ้าง แต่ไม่คิดว่า อีอีซีจะมีผลอะไรมาก" พร้อมกับบอกว่า นายกฯ อาจจะไม่โกง ไม่กิน แต่ถ้าคนรอบข้างทำก็ไม่มีอะไรดีขึ้น เธอจึงไม่อยากจะว่าใครคนใดคนหนึ่ง เพราะมันเป็นเรื่องการบริหาร แต่ถ้าบอกอะไรนายกฯ ได้ เธอฝากบอกว่า "ถ้าเหนื่อย ก็พักเถอะค่ะ"
- ร้านอาหารริมหาดเงียบสงบ ไร้ลูกค้า
ทั้งนี้ ระยอง เป็น 1 ใน 3 จังหวัดในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ซึ่งเป็นกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก 1 ตามประกาศคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ ฉบับที่ 3 ลงวันที่ 16 พ.ย. 2560 โดยมีการตั้งกลุ่มจังหวัดและกำหนดจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการกลุ่มฯ จำนวน 18 กลุ่มจังหวัด ใน 6 ภาค
สำหรับภาคตะวันออกมี 2 กลุ่มจังหวัด ได้แก่ กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก 1 ประกอบด้วย ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง โดยมีชลบุรีเป็นศูนย์ปฏิบัติการกลุ่มจังหวัด ส่วนกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก 2 ประกอบด้วย จันทบุรี ตราด นครนายก ปราจีนบุรี และสระแก้ว มีปราจีนบุรีเป็นศูนย์ปฏิบัติการกลุ่มจังหวัด
ชมตลาด เยี่ยมชาวประมง ตรวจ EOC เปิดทางหลวงใหม่
ขณะที่ ครม.สัญจร ระยอง-จันทบุรี นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่มีการปรับ ครม.ประยุทธ์ 2/2 และหลังเกิดการระบาดโควิด-19 รัฐบาลประกาศมาตรการควบคุมโรคตั้งแต่เดือน มี.ค.ที่ผ่านมา เป็นการประชุม ครม.สัญจร ที่นายกฯ เน้นย้ำว่า เพื่อติดตามงานการพัฒนาเศรษฐกิจ การค้าการลงทุน การท่องเที่ยวของ จ.ระยองและกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก 1 พร้อมการสร้างขวัญกำลังใจให้ประชาชน ผู้ประกอบการหลังเหตุการณ์ทหารอียิปต์ติดเชื้อโควิด-19
รวมถึงการติดตามการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งเชื่อมอีอีซี ผ่านการเป็นประธานเปิดทางหลวงระหว่างเมืองหมายเลข 7 ช่วงพัทยา – มาบตาพุด การอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำ การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลและชายฝั่ง การพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน ผ่านการเยี่ยมชมกิจการกลุ่มประมงเรือเล็กพื้นบ้านสวนสน – แกลง 1 และเยี่ยมชมตลาดสินค้าครบวงจร เทศบาลบ้านเพ (ตลาด 100 เสา)
- พล.อ.ประยุทธ์ เยี่ยมชมสินค้าในตลาดสินค้าครบวงจร เทศบาลบ้านเพ (ตลาด100เสา)
ติดตามการบริหารจัดการที่ดินส่งเสริมประชาชนกลุ่มผู้ยากไร้มีความมั่นคงในการใช้ที่ดินผ่านการเป็นประธานสักขีพยานในการมอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรือที่อยู่อาศัยในพื้นที่เป้าหมายการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มอบให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา และผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง
รวมถึงการติดตามการบูรณาการส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับการคัดกรอง การติดตาม เคลื่อนย้ายผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรตามระบบตรวจคนเข้าเมือง และส่งต่อไปยังสถานที่ควบคุมเพื่อสังเกตอาการของรัฐ ที่ศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน หรือ EOC (Emergency Operation Center) ในสนามบินอู่ตะเภา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
