ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์หลังเกิดเหตุก่อการร้ายระเบิดพลีชีพและยิงที่สนามบินกรุงคาบูล ของอัฟกานิสถาน ส่งผลให้คร่าชีวิตเจ้าหน้าที่ทหารสหรัฐฯ แล้วอย่างน้อย 13 นาย รวมถึงยังมีพลเรือนชาวอัฟกันทั้งเด็กและผู้หญิงเสียชีวิตอีกไม่ต่ำว่า 70 คน
หลังเหตุระเบิด กลุ่มที่เรียกตนเองว่า "ไอซิส-เค" ซึ่งเป็นกลุ่มก่อการร้ายหัวรุนแรงที่เข้าร่วมกับกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ได้ประกาศผ่านข้อความผ่านแอพลิเคชันเทเลแกรม อ้างว่าเป็นผู้ลงมือ ระบุว่ามือระเบิดฆ่าตัวตายจุดระเบิดที่ติดไว้กับเสื้อกั๊กขณะเข้าไปปะปนอยู่กับชาวอัฟกันและกองกำลังสหรัฐฯใกล้บริเวณสนามบิน ตาลีบันกับกลุ่มรัฐอิสลามหรือไอซิส คือศัตรูคู่แค้นกันมานาน
ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศจะล่าตัวผู้อยู่เบื้องหลังการลงมือก่อเหตุระเบิดสนามบินคาบูล พร้อมทั้งกล่าวว่าเหตุรุนแรงครั้งนี้เป็นฝีมือเครือข่ายกองกำลังรัฐอิสลาม (ไอเอส) ที่ส่งผลให้ทหารอเมริกันเสียชีวิต
“จงรู้ไว้ว่าเราจะไม่ให้อภัย เราจะไม่ลืม เราจะตามล่า และเอาคืนอย่างสาสม”
"ผมได้สั่งการให้ผู้บัญชาการทหารเร่งวางแผนปฏิบัติการโจมตี เด็ดหัว และทำลายฐานที่มั่นของกลุ่ม ISIS-K เราจะตอบโต้ด้วยกำลังและความแม่นยำ ในที่ที่เราเลือกและในช่วงเวลาที่เหมาะสม" ผู้นำสหรัฐกล่าว
ไบเดนกล่าวอีกว่า ผู้ที่ลงมืออาจเป็นกลุ่มบุคคลจากเรือนจำที่ตาลีบันปล่อยตัวออกมาในช่วงอัฟกานิสถาน ซึ่งกลุ่มคนดังกล่าวเคยเป็นสมาชิกไอเอสซึ่งกลุ่มไอเอสเป็นศัตรูคู่แค้นกับตาลีบันมาอย่างยาวนาน โดยเหตุที่ตาลีบันตัดสินใจปล่อยนักโทษฝ่ายตรงข้ามจากเรื่องจำ เชื่อว่าทำไปตามคำมั่นสัญญาที่ตาลีบันให้ไว้ว่าจะอภัยโทษให้กับทุกฝ่าย
"ผู้ก่อการร้ายไม่อาจขัดขวางเราได้ เราจะไม่หยุดยั้งภารกิจ และจะยังเดินหน้าอพยพผู้คนต่อไป" โจ ไบเดน ย้ำถึงภาระกิจสำคัญในการเร่งอพยพเจ้าหน้าที่สหรัฐออกจากอัฟกานิสถานภายในกำหนดเส้นตายวันที่ 31 สิงหาคมนี้ แม้หลายฝ่ายหวั่นวิตกว่าอาจมีการลงมือก่อเหตุซ้ำอีกรอบ
สำหรับเหตุระเบิดทั้งสองครั้้ง เจ้าหน้าที่กลุ่มตาลีบันระบุว่า ผู้ก่อเหตุได้ใช้ระเบิดผูกติดกับเสื้อกั๊ก ก่อนจะแฝงตัวมาปะปนกับพลเรือนอัฟกันที่รออพยพบริเวณประตูแอบบีย์ ของสนามบินฮามิ กาไซ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ทหารสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร ประจำการดูแลความเรียบร้อยอยู่ ก่อนจะตามด้วยเหตุยิงปะทะตามมาในเวลาไม่กี่นาทีหลังระเบิด
ส่วนระเบิดลูกที่สอง เกิดขึ้นที่โรงแรม Baton ใกล้กับสนามบินคาบูล ซึ่งถูกเป็นสถานที่พักคอยเพื่อรอเจ้าหน้าที่อังกฤษในการอำนวยความสะดวกให้ชาวอัฟกานิสถานที่หวังจะเดินทางไปยังสหราชอาณาจักร
อนึ่ง นับตั้งแต่กลุ่มตาลีบันยึดครองกรุงคาบูลได้สำเร็จเมื่อ 15 สิงหาคม มีทั้งชาวต่างชาติและชาวอัฟกันไม่น้อยกว่า 104,000 คนถูกอพยพออกจากอัฟกานิสถานแล้ว นับเป็นการอพยพพลเรือนครั้งใหญ่และรวดเร็วที่สุด ทว่ายังอีกจำนวนมากที่ยังรอการอพยพออกจากพื้นที่ให้ทันก่อนเส้นตายในวันที่ 31 สิงหาคมนี้