ไม่พบผลการค้นหา
'ลิเวอร์พูล' เอาชนะ 'บาร์เซโลนา' 4 - 0 เข้ารอบชิง รอลุ้นผลระหว่าง 'สเปอร์ส' และ 'อาแจ็ค'

"ความพ่ายแพ้ที่สวยงาม" คือคำที่ออกมาจากปาก 'เจอร์เกน คล็อปป์' ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูลคนปัจจุบัน หลังทีมรักพ่ายต่อความแข็งแกร่งของ บาร์เซโลนา ที่คัมป์ นู ถึง 3 - 0 และความหวังเดียวในการเข้ารอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ คือต้องเปิดบ้านเอาชนะหนึ่งในทีมฟุตบอลที่เก่งกาจด้วยสกอร์ 4 - 0 และไม่ปล่อยให้บาร์ซาได้ประตูแม้แต่ลูกเดียว ความยากในระดับ 'เกือบเป็นไปไม่ได้' ยังต้องมาโดนตอกย้ำด้วยทีมจะไม่มีผู้เล่นกองหน้าตัวสำคัญ อย่าง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ และนาบี้ เกอิต้า 

แต่นี่คือฟุตบอล "และที่นี่คือแอนฟิลด์" ไม่มีสิ่งใดที่เป็นไปไม่ได้ เพราะหงส์แดงได้ผงาดขึ้นมาเอาชนะบาร์เซโลนาด้วยสกอร์ 4 - 0 ในช่วงเช้าที่ผ่านมา 

วงล้อโชคชะตาหมุนมาที่ 'แอนฟิลด์'

ในนาทีที่ 7 ของเกม 'เดอะค็อป' ในแอนฟิลด์ได้เฮเป็นครั้งแรกเมื่อ 'ดิว็อค โอริกี้' ทำประตูขึ้นนำ 1 - 0 สร้างความผ่อนคลายให้กับชาวหงส์ได้บ้าง โดยระหว่างเกมในครึ่งแรกมีช่วงหน้าหวาดเสียวจากฝั่งเจ้าบุญทุ่ม บาร์ซา ไม่น้อยเช่นกัน แต่ไม่มีฝั่งใดทำประตูเพิ่มได้ จึงจบครึ่งแรกด้วยผลคะแนน 1 - 0 ส่งผลให้คะแนนรวมจาก 2 นัด บาร์เซโลนานำลิเวอร์พูลอยู่ 3-1 

'แอนดี้ โรเบิร์ตสัน' แบ็คซ้ายจองวิ่งของทีม ถูกเปลี่ยนตัวออกในครึ่งหลัง ทำให้คล็อปป์ ต้องส่ง 'จอร์จินโย่ ไวนัลดุม' ลงมาเล่นแทน แล้วเปลี่ยนให้ 'เจมส์ มิลเนอร์' ไปเล่นตำแหน่งของโรเบิร์ตสัน

ลิเวอร์พูล

และแล้วประตูที่ 2 ของลิเวอร์พูลก็มาในนาที 54 เมื่อ 'เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์' จ่ายบอลแฉลบ 'อีวาน ราคิติช' เข้ากลางมาบริเวณจุดโทษให้ ไวนัลดุม วิ่งมาซัดในแบบที่ 'มาร์ค-อังเดร แตร์ ชเตเก้น' หมดสิทธิ์เซฟ 

เพียง 2 นาทีต่อมา ลิเวอร์พูลนำห่างเป็น 3-0 อย่างรวดเร็ว หลัง มิลเนอร์ ไล่บอลสั้นให้ 'เซอร์ดาน ชากิรี่' เปิดด้วยซ้ายมาเสาแรกให้ ไวนัลดุม โขกบอลเข้าตาข่าย เป็นประตูที่สองของตนในเกมนี้ และเป็นประตูสำคัญที่ทำให้สกอร์รวมลิเวอร์พูลเสมอบาร์เซโลน่า 3-3 

ลิเวอร์พูล

แต่คงไม่มีจังหวะจะ 'สะใจ' ไปกว่า นาทีที่ 79 ที่แอนฟิลด์แทบสนามแตก เมื่อ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ทำแสบหลอกคู่แข่งและเกือบจะหลอกเพื่อนร่วมทีมตัวเองด้วยการเล่นบอลเร็วในขณะที่แข้งบาร์ซ่ายังไม่ทันตั้งตัวจากจังหวะลูกเตะมุม ส่งลูกไปกลางประตูให้ โอริกี้ วิ่งมายิงด้วยขวาบอลพุ่งเข้าเสาไกล ทำให้หงส์แดงมีคะแนนรวมขึ้นนำบาร์ซา 4 - 3 

และเมื่อกรรมการเป่านกหวีดหมดเวลา 'ชัยชนะอันเหลือเชื่อ' ก็ตกเป็นของหงส์แดง ลิเวอร์พูล 

ลิเวอร์พูล


"แค่ชนะก็ยากแล้ว แต่เราไม่เสียประตูเลย ผมไม่รู้ว่าพวกเขาทำได้อย่างไร มันเหลือเชื่อมาก" คล็อปป์ กล่าว


ฝันร้ายซ้ำสองของ 'บาร์ซา'

ลิเวอร์พูล

หลังเก็บชัยชนะถึง 3 - 0 ในบ้านของตัวเองได้แล้ว การมาเยือนลิเวอร์พูลด้วยความเป็นต่อทั้งคะแนน ความกดดัน และตัวผู้เล่น บาร์เซโลนาอาจไม่ต้องเผชิญหน้ากับความพ่ายแพ้เช่นนี้ หากทีมมีความกระหายในชัยชนะอย่างที่ลิเวอร์พูลมี และมีความหยิ่งผยองน้อยลงสักเล็กน้อย

เมื่อครั้งที่บาร์ซาถูกโรม่ายัดความพ่ายแพ้ให้ 'อลิสซอน เบ็คเกอร์' นายทวารชาวบราซิลเป็นส่วนหนึ่งของชัยชนะครั้งนั้นเช่นกัน ซึ่งเขาบอกว่าการที่เรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นถึง 2 ครั้ง แทบจะเป็นไปไม่ได้

"มันเกิดขึ้นปีที่แล้วกับโรม่า และมันเกิดขึ้นอีกครั้งในปีนี้" อลิสซอน กล่าว


ความเป็นไปได้ที่ลิเวอร์พูลจะผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ หลังแพ้บาร์เซโลนา 3 - 0 เหลืออยู่เพียงร้อยละ 6 และความน่าจะเป็นที่ลิเวอร์พูลจะได้ชูถ้วยแชมป์มีเพียงร้อยละ 4 แต่ตอนนี้ความน่าจะเป็นที่หงส์แดงจะขึ้นไปชูถ้วยแชมป์ยุโรปสมัยที่ 6 มีสูงถึงร้อยละ 69 และนั่นไม่ใช่เพราะสิ่งอื่นใดนอกจากแรงใจที่ไม่ย่อท้อและความกระหายชัยชนะที่ไม่หมดไป

อ้างอิง; ESPN, Forbes