วันที่ 28 ธ.ค. 2565 อนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และแกนนำกลุ่มสามมิตร กล่าวถึงจุดยืนทางการเมืองส่วนตัวและกลุ่มสามมิตร ว่า เห็นส่วนการเมืองเดินมาเรื่อยๆ ส่วนรัฐบาลหากอยู่ครบวาระก็คือเดือน มี.ค. 2566 ฉะนั้นเรื่องการเมืองตนในฐานะอยู่พรรคพลังประชารัฐ ณ ปัจจุบันนี้ก็ยังเป็นห่วงของความไม่แน่นอนทางการเมือง และจากที่ได้ทำงานการเมืองมาเป็นเวลานานมีเพื่อน พี่น้องหลายส่วนก็ต้องคำนึงถึงหลายอย่าง ไม่ใช่คำนึงถึงตัวเองเท่านั้น พร้อมเผยว่าการตัดสินใจทางการเมืองต้องมีไทม์ไลน์ โดยส่วนตัวไม่ได้เน้นอะไรเลย เพียงแค่เน้นบริบทความเหมาะสมทางการเมืองช่วงปลายวาระรัฐบาล

ส่วนสาเหตุต้องรอให้สถานการณ์สงบก่อนใช่หรือไม่ 

อนุชา มองว่า ให้มันเดินไปเรื่อยๆ เพราะตนมีคนที่เคารพรักอยู่ ซึ่งเป็นสาเหตุการตัดสินใจ จึงต้องคิดพอสมควรทีเดียว พร้อมมั่นใจว่า การตัดสินใจจะไม่กระทบต่อการลงพื้นที่หาเสียงของตน เพราะจากที่ตนลงเขตมาตลอด คิดว่าประชาชนเข้าใจในสิ่งที่เราเลือกและตัดสินใจ โดยจะไม่คำนึงถึงตัวเองเป็นหลัก

เมื่อถามว่า จะไม่มีการพลิกขั้วทางการเมืองไปอยู่กับฝ่ายค้านหรือพรรคเพื่อไทยใช่หรือไม่ อนุชา ระบุว่า ตอนนี้มีแต่ฝั่งนี้ ส่วนในอนาคตก็ว่ากันอีกครั้งนึง ซึ่งอนาคตตนยังไม่รู้เลยว่าใครจะเป็นอย่างไร และตอนนี้พวกเรายังไม่รู้เลยว่าอะไรคือ 100% ยังไม่มีอะไรที่ 100% เลย 

เมื่อถามว่า การตัดสินใจจะคิดคนเดียวหรือคิดร่วมกับกลุ่มสามมิตร สมศักดิ์ เทพสุทิน และ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นั้น อนุชา กล่าวว่า ตนสามารถตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง พร้อมรับว่าไม่จำเป็นต้องเป็นเงื่อนไขว่าไปด้วยกันทั้งหมด รวมถึงไม่จำเป็นว่าการตัดสินใจต้องก่อนวันที่ 7 ก.พ. 2566 ซึ่งตนไม่จำเป็น เพราะเข้าใจบริบททางการเมือง ทุกอย่างตนพร้อมทุกสถานการณ์ ไม่มีอะไรมาบีบผม พร้อมยอมรับว่าการตัดสินใจยากจริงๆ

เมื่อถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ชักชวนให้ไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติหรือยัง อนุชา ระบุว่า ยัง และท่านยังไม่เคยพูดคุย รวมถึงไม่มีการพูดเล่น แซวหรือหยอกกับตน เพราะท่านให้ เกียรติ

เมื่อถามย้ำว่า อนุชา มีกระแสข่าวจะไปร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติ นั้น อนุชา ถามกลับสื่อว่า กระแสเป็นอย่างนั้นหรือ