ในการแถลง ณ ทำเนียบขาวของไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่าตนได้ขอร้องให้รัฐสภาผ่านมติลดภาษีน้ำมัน โดยคิดเป็นการลดราคาน้ำมันดีเซล 18 เซนต์ต่อแกลลอน (ประมาณ 6.5 บาท) และน้ำมันดีเซล 24 เซนต์ต่อแกลลอน (ประมาณ 8.6 บาท) จนถึงสิ้นเดือน ก.ย. ซึ่งเป็นช่วงก่อนการเลือกตั้งกลางสมัยของสหรัฐฯ
นอกจากนี้ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยังได้เรียกร้องไปยังรัฐบาลมลรัฐที่จะลดภาษีน้ำมันในแต่ละมลรัฐเองด้วย เพื่อหวังจะช่วยบรรเทาความทุกข์ยากของประชาชน ท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจที่ส่งผลให้ราคาพลังงานในสหรัฐฯ ปรับตัวพุ่งสูงขึ้น
“ผมเข้าใจอย่างดีว่าภาษีน้ำมันวันหยุดเพียงลำพังจะไม่ได้แก้ปัญหา” ไบเดนระบุ “แต่มันจะมอบการปลดทุกข์ในทันทีทันใดแก่หลายครอบครัว เพื่อพอให้มีอากาศได้หายใจบ้าง ในขณะที่พวกเรากำลังเดินหน้าในการดึงราคาน่้ำมันลงมาในระยะยาว”
ทั้งนี้ การผลักดันให้รัฐสภาสหรัฐฯ ผ่านมติลดภาษีน้ำมันเป็นเวลา 3 เดือนของไบเดน ถูกนักวิจารณ์มองว่าเป็นความพยายามของประธานาธิบดีสหรัฐฯ และพรรคเดโมแครตที่ตกอยู่ในสภาพอ่อนแอทางการเมือง ท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจของประเทศ คะแนนนิยมในตัวไบเดนที่ตกต่ำ และการเลือกตั้งกลางเทอมที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ ซึ่งพรรคเดโมแครตมีแนวโน้มที่จะแพ้พรรครีพับลิกัน
นักเศรษฐศาสตร์จำนวนหนึ่งวิจารณ์ว่า ความคิดในการลดภาษีน้ำมันจะเป็นกระบวนการที่เสียเปล่าของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ และมาตรการดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยภาพรวมของสหรัฐฯ เพียงเล็กน้อย ทั้งนี้ ภาษีน้ำมันของสหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วนที่เล็กน้อยเพียงแค่ 5% ของราคาน้ำมันในประเทศ โดยชาวสหรัฐฯ อาจจะไม่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงอะไร ถึงแม้ว่ามติการลดภาษีน้ำมันจะได้รับการรับรองจากรัฐสภาก็ตาม
อย่างไรก็ดี ไบเดนยังได้ตั้งเป้าหมายไปยังบริษัทน้ำมันของสหรัฐฯ ที่จะให้มีการเร่งการกลั่นน้ำมันให้เพิ่มมากขึ้น เพื่อการเพิ่มน้ำมันในท้องตลาด ซึ่งจะช่วยลดราคาน้ำมันลง หลังจากไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ไบเดนได้กล่าวโจมตีบริษัทน้ำมันว่าแสวงหาผลกำไร และ ทำให้ประชาชนพบกับ “ความเจ็บปวดย่ำแย่ลง” และถึงแม้ว่าผู้กลั่นน้ำมันจะพยายามเพิ่มการกลั่นก็ตาม แต่ปริมาณการผลิตในทั่วโลกในปัจจุบันยังเพิ่มขึ้นไม่ถึงแม้แต่ 1%
ที่มา: