ไม่พบผลการค้นหา
โฆษกพรรคเพื่อชาติแปลกใจทำไมผลเลือกตั้งและตัวเลขร้อยละผู้มาใช้สิทธิเปลี่ยนไปแบบคำนวณอย่างไร ก็ไม่ลงตัวตามหลักบัญญัติไตรยางค์ระดับประถม

นางสาวเกศปรียา แก้วแสนเมือง โฆษกพรรคเพื่อชาติ เผยว่า แฮชเเท็ก #บัตรเกิดใหม่ในหีบ ขึ้นอันดับ 1 เทรนด์ทวิตเตอร์ ไทย หลัง กกต. แถลงผลคะแนนการเลือกตั้ง ส.ส. 100 เปอร์เซนต์ อย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งบ่งบอกว่าประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศมีคำถามว่า ทำไมผลเลือกตั้งและตัวเลขร้อยละผู้มาใช้สิทธิที่ กกต. แถลงจึงเปลี่ยนไปแบบคำนวณอย่างไรก็ไม่ลงตัวตามหลักบัญญัติไตรยางค์ระดับประถมศึกษาได้

หลังจากในวันที่ 24 มี.ค. คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เเจ้งมีจำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง 33,775,230 คน คิดเป็นร้อยละ 65.96 ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมดหลังจากนับคะแนนไป ร้อยละ 94

ต่อมาในวันที่ 28 มี.ค. ในการเเถลงผลเลือกตั้งครั้งล่าสุด กกต.เเจ้งจำนวนผู้มาใช้สิทธิ 38,268,375 คน คิดเป็น ร้อยละ 74.69 ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมด 100 เปอร์เซนต์ ทำให้ 4 วัน หรือ ร้อยละ 6 ที่เหลือมีผู้มาใช้สิทธิเพิ่มขึ้นจากเดิมถึง 4,493,145 คน ด้วยความสงสัยในตัวเลขโลกออนไลน์ก็ลองเทียบบัญญัติไตรยางค์คำนวณกัน เกิดโป๊ะแตกอีกรอบของกกต. คือ เมื่อเกิดความสงสัยว่าบัตรเลือกตั้งเพิ่มขึ้นเยอะ เลยลองคำนวณดูว่าจำนวนบัตร ร้อยละ 6 ที่ยังไม่ได้นับกับจำนวนผู้มาใช้สิทธิที่เพิ่มขึ้นสอดคล้องกันไหม ด้วยการคิดแบบเชื่อ กกต. ว่าในวันที่ 24 มี.ค. กกต. บอกตัวเลขจำนวนผู้มาเลือกตั้งว่าเป็นการนับจากบัตรที่นับตอนนั้น เมื่อนำมามาคำนวณเป็นสัดส่วนร้อยละ 33,775,230 / 38,268,375 x 100 = 88.31 เท่ากับ กกต. นับบัตรไป ร้อยละ 88.31 ไม่ใช่ ร้อยละ 94 อย่างที่ กกต. แถลงข่าวในวันที่ 24 มี.ค. 

เมื่อมาคำนวณจำนวนบัตรที่ยังไม่ได้นับหรือบัตรเกิดใหม่ในหีบ ที่เพิ่มขึ้นมาจากการแถลงข่าวของ กกต. ในวันที่ 28 มี.ค.โดยเทียบสัดส่วนเป็นร้อยละ 4,493,145/38,268,375 x 100 = 11.69 พบว่าจำนวนบัตรเพิ่มขึ้นไม่ใช่ ร้อยละ 6 ที่เพิ่มขึ้นจาก ร้อยละ 94 อย่างที่ควรจะเป็น จากการคำณวณตัวเลขดิบบัตรผู้มาใช้สิทธิที่กกต. แถลงวันที่ 28 มี.ค. เท่ากับสัดส่วนผู้ใช้สิทธิเพิ่มขึ้นจากวันที่ 24 มี.ค. จำนวนร้อยละ 11.69 ด้วยความเชื่อมั่น กกต. ตามผู้นำเหล่าทัพมาแถลงเมื่อค่ำวันที่ 28 มี.ค. ว่าข้อมูลวันที่ 24 มี.ค. จำนวนผู้มาใช้สิทธิจากบัตรเลือกตั้ง 33,775,230 ใบ คือ ร้อยละ 94 ก็จะพบว่า 100 เปอร์เซนต์ ของผู้มาใช้สิทธิจะมีจำนวนเท่ากับ 35,954,963 ใบ ซึ่งน้อยกว่า 38,268,375 ใบอยู่เท่ากับ 38,268,375 - 35,954,963 = 2,315,923 ใบ

ทั้งนี้ นางสาวเกศปรียา เพิ่มเติมว่า ตนพยายามเชื่อมั่นการทำงานของ กกต. ตามที่ผู้นำเหล่าทัพอุตส่าห์มาแถลงออกทีวี ด้วยการพยายามคิดคำณวณตามข้อมูลของ กกต.ทุกอย่าง แต่เมื่อพยายามคำนวณออกมาสารพัดวิธีแล้วตัวเลขบัตรเลือกตั้งที่เพิ่มมาให้คำตอบดังที่แสดงว่ามีบัตรเลือกตั้งเกินมา 2,315,923 ใบ เลยสงสัยว่าระบบดิจิทัลของ กกต. กำหนดเงื่อนไขการคำนวณไว้แบบเดียวกับระบบบัญญัติไตรยางศ์ที่ตนเรียนมาในระบบประถมศึกษาหรือไม่ 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :