ไม่พบผลการค้นหา
"นี่คือการพูดในลักษณะนี้ครั้งแรกในรอบทศวรรษ ตอนนี้ทุกอย่างขึ้นอยู่กับบริทนีย์แล้ว มันขึ้นอยู่กับบุคคลเพียงคนเดียวแล้วจริงๆ"

เบรนดา เพนนี ผู้พิพากษาศาลสูงเขตนครลอสแอนเจลิส มลรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา มีคำพิพากษาตัดสินให้ 'ยกเลิกกระบวนการถูกควบคุมโดยผู้พิทักษ์' ของบริทนีย์ สเปียร์ส อย่างถาวร หลังจากที่เธอต้องทนทุกข์ทรมานภายใต้เครื่องมือทางกฎหมายที่ถูก 'ใช้ในทางที่ผิด' โดยการควบคุมทั้งชีวิตและทรัพย์สินจากพ่อบังเกิดเกล้าของเธอเองยาวนานเกือบ 14 ปีเต็ม

ผู้พิพากษาเพนนีระบุว่า "ทรัพย์สินทุกอย่างที่อยู่ในการควบคุมของผู้พิทักษ์ทรัพย์สินชั่วคราวให้กับบริทนีย์ จะถูกโอนย้ายให้กับบริทนีย์ทั้งหมด ... บริทนีย์ไม่จำเป็นต้องผ่านการประเมินทางการแพทย์ใดๆ ทั้งสิ้นอีกต่อไป"

คำตัดสินยกเลิกกระบวนการผู้พิทักษ์ของบริทนีย์ครอบคลุมทั้งการยกเลิกการถูกพิทักษ์สำหรับบุคคลที่ถูกศาลตัดสินว่าเป็นบุคคลไร้ความสามารถ ทั้งในส่วนของการตัดสินใจเรื่องต่างๆ ใน 'ชีวิต' และในส่วนของการครอบครองดูแล 'ทรัพย์สิน' ของนักร้องสาวเอง 'อำนาจทั้งหมดจะกลับไปอยู่ในมือของเธออีกครั้ง'

Reuters - บริทนีย์ ทนาย โรเซนการ์ต #FreeBritney


บิดาของบริทนีย์ทำการ 'ทุจริต'-โกยรายได้ไปหลายร้อยล้านบาท

"เวลาของการยกเลิกการควบคุมบริทนีย์ภายใต้กระบวนการผู้พิทักษ์ได้มาถึงแล้ววันนี้" แมทธิว โรเซนการ์ต ทนายความมือดีของนักร้องสาวกล่าวระหว่างขอบคุณในคำตัดสินของผู้พิพากษาเพนนี 

"เจมี สเปียร์ส บิดาของบริทนีย์ ได้ทำการทุจริตในกระบวนการผู้พิทักษ์นี้ เขาได้เงินจากทรัพย์สินของลูกสาวไปแล้วราว 131 ล้านบาท เขาจ่ายเงินเดือนให้กับตัวเองจากทรัพย์สินของลูกสาวตลอด 13 ปีกว่าที่ผ่านมา (เดือนละประมาณ 500,000 บาท) เขาหักรายได้เป็นเปอร์เซ็นต์จากการขึ้นแสดงคอนเสิร์ต 4 ปีเต็มที่ลาสเวกัสของบริทนีย์ และการแสดงอื่นๆ ทั้งหมด" โรเซนการ์ต กล่าวบนเวทีของแฟนๆ และผู้สนับสนุนบริทนีย์ในแคมเปญ #FreeBritney บริเวณหน้าศาลฯ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : ศาลสั่งปลดบิดาของ 'บริทนีย์ สเปียร์ส' จากการเป็นผู้พิทักษ์ชีวิต-ทรัพย์สินนาน 13 ปี มีผลทันที

คำตัดสินจากผู้พิพากษาเพนนี เป็นสิ่งที่สอดคล้องกับความต้องการของบริทนีย์ สเปียร์ส โดยระหว่าการให้การกับศาลครั้งแรกในรอบ 10 ปีของบริทนีย์ในเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา เธอกล่าวกับศาลว่า "ฉันรู้สึกไม่ต่างอะไรกับการถูกค้ามนุษย์ทางเพศ ฉันไม่มีความสุข ฉันร้องไห้ทุกคืน มันผ่านมาเป็น 13 ปีแล้ว ฉันต้องการยุติกระบวนการผู้พิทักษ์โดยถาวร โดยไม่ต้องผ่านการประเมินทางการแพทย์อีกต่อไป ฉันต้องการชีวิตของฉันคืน" 

เกือบ 14 ปีที่ผ่านมา หนึ่งในสิทธิ์ที่บริทนีย์สูญเสียไปก็คือการตัดสินใจทางการแพทย์ การถูกบังคับใช้ยาที่มีผลข้างเคียงรุนแรงต่อสภาพร่างกายของเธออย่างต่อเนื่อง การถูกบังคับให้เข้ารับการประเมินทางการแพทย์อย่างต่อเนื่อง และการถูกบังคับให้ต้องคุมกำเนิดเพื่อให้สามารถ 'ทำเงิน' ได้ต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : 'บริทนีย์' เผยหมดเปลือก ถูกจองจำ-ทำร้ายโดย 'พ่อ' นาน 13 ปี ราวกับถูกค้ามนุษย์

AFP - บริทนีย์ สเปียร์ส


การต่อสู้ทางกฎหมาย บริทนีย์-บิดา ยังไม่จบ

แม้ขณะนี้แฟนๆ นับร้อยคนที่มาร่วมฉลองอิสรภาพของนักร้องสาวบริเวณหน้าศาลสูงลอสแองเจลิส รวมถึงแฟนๆ ที่เฝ้าจับตาสถานการณ์จากทั่วโลก จะสามารถพูดได้แล้วว่า บริทนีย์ได้รับอิสรภาพคืนแล้วอย่างแท้จริงในวันนี้ แต่แฟนๆ รวมถึงตัวบริทนีย์และคนใกล้ชิดเองยังต้องการเดินหน้าหา 'ความยุติธรรม' ต่อไป 

เกือบ 14 ปีเต็มที่ผ่านมา บริทนีย์และทีมกฎหมายของเธอเชื่อว่า 'เจมี สเปียร์ส' บิดาของเธอ และ 'โรบิน กรีนฮิลล์' อดีตผู้จัดการของนักร้องสาวภายใต้ทีมบริหารที่ชื่อ 'Tri Star Sports & Entertainment Group' ได้กระทำความผิด ทุจริตในการบริหารจัดการชีวิตและทรัพย์สินของบริทนีย์ตลอดช่วงของการถืออำนาจ 'ผู้พิทักษ์' มีการใช้เงินของบริทนีย์ในทางที่ผิด มีการหมกเม็ดตัวเลขบัญชีการใช้จ่ายที่เกิดขึ้น เพราะเกือบ 14 ปีเต็มที่ผ่านมา อดีตทีมผู้พิทักษ์รายงานว่าบริทนีย์มีทรัพย์สินเพียง 60 ล้านดอลลาร์ หรือราว 1,966 ล้านบาทเท่านั้น ทั้งๆ ที่เธอทำรายได้รวมจากอัลบั้ม คอนเสิร์ต และน้ำหอมได้ไม่ต่ำกว่าหลายหมื่นล้านบาท

โรเซนการ์ต ทนายความของนักร้องสาวยื่นเรื่องต่อศาลเพื่อสั่งให้ 'โรบิน กรีนฮิลล์' อดีตผู้จัดการของบริทนีย์ และ 'ลู เทย์เลอร์' หัวหน้าทีมบริหาร 'Tri Star Sports & Entertainment Group' เข้าให้การกับศาลถึงรายละเอียดการทำสัญญาทางการเงินและธุรกิจทั้งหมด อย่างไรก็ตาม เกิดความพยายามที่จะบ่ายเบี่ยงการให้ความร่วมมือ โดย Tri Star ปฏิเสธหมายศาลในการเข้าให้การและชี้แจงรายละเอียด รวมถึงพยายามที่จะปิดบังข้อมูลทั้งหมดที่บริทนีย์ต้องการเข้าถึงเพื่อสืบการกระทำย้อนหลัง

อย่างไรก็ตาม ทนายความของบริทนีย์ยังคงเดินหน้าหาทางที่จะตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินในช่วง 13 ปีที่ผ่านมาเพื่อเอาผิดต่อไป โดยเขาเชื่อว่าผู้หญิงทั้งสองคนที่ชื่อ โรบิน และลู คือกุญแจสำคัญที่จะนำไปสู่การเปิดโปงข้อเท็จจริงทั้งหมดว่าเกิดอะไรขึ้น 'หลังม่าน' บ้างในช่วงเวลาแห่งการไร้เสรีภาพของ 'บริทนีย์ สเปียร์ส'

"การจะสอบสวนเพื่อเอาผิดบิดาและอดีตทีมบริหารให้ถึงที่สุดหรือไม่ ขึ้นอยู่กับบริทนีย์ทั้งหมด"

โรเซนการ์ตย้ำกับผู้สื่อข่าว พร้อมระบุด้วยว่า สิ่งที่ต้องหาคำตอบต่อไปก็คือ "Tri Star โกยรายได้ไปจากทรัพย์สินของบริทนีย์เท่าไหร่บ้าง ... Tri Star นำเงินออกไปจากกองทรัพย์สินของบริทนีย์แล้วเป็นจำนวนเท่าใด ผมจะไม่ขอสรุปอะไรทั้งสิ้นตอนนี้ แต่จากการปฏิเสธการให้ความร่วมมือของ Tri Star ทุกคนคงพอจะเดากันออก"

เปิดโปงกระบวนการผู้พิทักษ์ทั้งระบบ

จากการต่อสู้อันยาวนานและสภาพชีวิตที่ 'เจ้าหญิงแห่งวงการเพลงป๊อป' ต้องเผชิญ โรเซนการ์ตกล่าวว่าเขารู้สึกภาคภูมิใจในตัวบริทนีย์มาก เพราะต้องใช้ทั้งพลัง ความอดทน การส่งเสียง และความกล้าหาญ กว่าจะประสบความสำเร็จในวันนี้ได้ และนี่ไม่ใช่แค่การเปิดโปงความทุจริตในกระบวนการผู้พิทักษ์ของเธอคนเดียว แต่มันคือการส่องสปอตไลท์ไปยังกระบวนการผู้พิทักษ์ทั้งแบบ 'Comservatorship' และ 'Guardianship' ที่มีอยู่ทั่วทั้งสหรัฐฯ และมีผู้คนตกอยู่ในกระบวนการนี้นับล้านคน

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปหลังจากนี้ ทนายโรเซนการ์ตตอบอย่างปีติว่า "นี่คือการพูดในลักษณะนี้ครั้งแรกในรอบทศวรรษ ตอนนี้ทุกอย่างขึ้นอยู่กับบริทนีย์แล้ว มันขึ้นอยู่กับบุคคลเพียงคนเดียวแล้วจริงๆ"

ด้านบริทนีย์เองก็ได้โพสต์คลิปวิดีโอของการเฉลิมฉลองของแฟนๆ บริเวณหน้าศาลสูงลอสแองเจลิส พร้อมเขียนแสดงความรู้สึกต่อชัยชนะครั้งสำคัญในชีวิตของเธอบนอินสตาแกรมส่วนตัวว่า "ฉันรักแฟนๆ ของฉันมาก มันบ้ามากจริงๆ ฉันต้องร้องไห้ทั้งวันแน่ๆ นี่คือวันที่ดีที่สุด"

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : สารคดี ‘บริทนีย์’ จาก Netflix ตีแผ่บทเรียนสำคัญ ‘ระบบกฎหมาย-กระบวนการยุติธรรมสหรัฐฯ’

#FreeBRITNEY

โจ้ ชลวิศว์ วงศ์ศรีวอ
พิธีกร - ผู้สื่อข่าวต่างประเทศ
39Article
1Video
3Blog