วันที่ 28 มิ.ย. นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.จังหวัดนครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงผลโพลที่พบว่าคนไทยส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากโควิด จนทำให้ขาดสภาพคล่องและต้องนำสิ่งของไปจำนำ ว่า ต้องยอมรับความจริงว่าวิกฤตไวรัสโควิด 19 มีผลกระทบต่อสภาวะเศรษฐกิจในทุกระดับ ตั้งแต่มหาเศรษฐีถึงคนจน ซึ่งแตกต่างกับวิกฤตฟองสบู่แตกหรือวิกฤตต้มยำกุ้ง ที่ส่งผลกระทบเฉพาะนักธุรกิจ นักลงทุนหรือสถาบันการเงินเท่านั้น ซึ่งประชาชนคนรากหญ้าได้รับผลกระทบน้อยมาก

วิกฤตไวรัสโควิด-19 กระทบตั้งแต่มหาเศรษฐี นายธนาคาร เจ้าของกิจการโรงแรม ธุรกิจรายใหญ่ ธุรกิจรายย่อย ร้านอาหาร จนถึงร้านขายของชำ และประชาชนผู้หาเช้ากินค่ำ มีคนตกงาน ไม่มีรายได้เลี้ยงชีพ ทำให้คนชั้นกลางหรือระดับรากหญ้า ต้องหาทางออกโดยการพึ่งพาโรงรับจำนำเพื่อนำเงินมาแก้ปัญหาเฉพาะหน้าก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงนี้กำลังมีการเปิดเทอมใหม่ของโรงเรียนต่างๆ ในวันที่ 1 ก.ค.นี้ พ่อแม่หรือผู้ปกครองของนักเรียนต้องหาเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายในการเปิดภาคเรียนใหม่ เมื่อไม่มีรายได้หรือเงินเพียงพอที่จะเป็นค่าใช้จ่ายของลูก จึงจำเป็นต้องหาที่พึ่งสุดท้ายคือเข้าโรงรับจำนำ

ส.ส.นครศรีธรรมราช ปชป. กล่าวว่า อยากเรียกร้องตามที่เคยเสนอต่อรัฐบาลและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการมาแล้ว คือขอให้มีการเยียวยากลุ่มนักเรียนคนละ 1,000 บาท จำนวน 3 เดือน ให้แก่นักเรียนตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ซึ่งเป็นในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพราะในขณะนี้พ่อแม่ผู้ปกครองนักเรียนกำลังรอคอยความชัดเจน และความช่วยเหลือจากรัฐบาลอยู่

"ขอเรียกร้องให้รัฐบาลรีบดำเนินการเยียวยาช่วยเหลือกลุ่มเด็กนักเรียนทุกคนในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ในสังกัดโรงเรียนรัฐบาลและเอกชน ก่อนจะมีการเปิดภาคเรียนวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ด้วย" นายเทพไท กล่าว

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :

• ศธ.แจงมาตรการป้องกันโควิด-19 รับเว้นที่นั่งเรียน 'ทำยาก'
• กทม.ออกแนวปฏิบัติ ร.ร.ในสังกัดป้องกันโควิด เผย 120 แห่งเหลื่อมเวลาเรียน
• ปชช.กังวลมาตรการป้องกันโควิด-19 ในรร.หลังเปิดเทอม จี้กำหนดให้ชัด