เมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. วันที่ 24 พ.ค.2565 ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือโทนี่ วู้ดซัม (Tony Woodsome) เผยความจริงผ่านรายการ CareTalk x CareClubHouse ภายใต้หัวข้อ ‘เปิดใจโทนี่ : เบื้องหลังรัฐประหารที่ไม่เคยเล่า’ โดยที่ก่อนเริ่มเข้าสู่ประเด็นเบื้องหลังการทำรัฐประหาร โทนี่ได้กล่าวถึงผลการเลือกตั้งส.ก.ที่ผ่านมาว่า เป็นปรากฎการณ์ที่ใช้คำว่า Strategic Vote ซึ่งไม่ได้อยู่ในพรรคการเมืองฝ่ายไหน แต่อยู่ในฝ่ายประชาชน ประชาชนที่มีหนึ่งโหวตเขาคิดว่าจะทำอย่างไรให้เกิดประโยชน์ที่สุด อีกทั้งยังได้รับแจ้งมาว่า มีพรรคที่ซื้อเสียงมากกว่า 1 เสียง แต่กลายเป็นว่าพรรคนั้นคะแนนไม่เยอะ สะท้อนให่้เห็นว่าคนไทยเจ็บปวดมานาน ถึงเวลาแห่งประชาธิปไตยแล้ว ถึงเวลาต้องเลือกคนทำงาน  

โทนี่ ยังกล่่าวอีกว่า การเลือกตั้งใหญ่คราวหน้าการซื้อเสียงจะไม่มีความหมายสำหรับประชาชน เขารับเงินหรือไม่ แต่รับ แต่ไม่เลือก เขาจะเลือกตามสิ่งที่เขาคิดว่าเป็นประโยชน์ต่ออนาคตลูกหลานเขา เพราะฉะนั้นพรรคการเมืองต้องทำความดี 

โทนี่ กล่าวว่าเราทำนายว่า 20 บวกและลบ แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทยและหัวหน้าครอบครัวพรรคเพื่อไทยบอก 20 บวกและลบ แต่พรรคเพื่อไทยได้ ส.ก. 20 คนพอดี

อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ตนคิดว่าคนกรุงเทพฯ ก็เจ็บปวดเหมือนคนในต่างจังหวัด และมีความรู้สึกถูกมาตรา 44 ทิ้งซากไว้เยอะ ยึดเขาไปไม่เท่าไร แต่ไปทำความบอบช้ำเรื่องการทำมาหากินมากทั่วประเทศ ทำให้เกิดปรากฏการณ์นี้ ต้องแสดงความยินดีกับคนกรุงเทพฯ ได้เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.และ ส.ก.

โทนี่ ระบุว่า ที่กรุงเทพฯ จะไม่เหมือนต่างจังหวัด แต่ความแรงของเหตุที่เกิดในกรุงเทพฯ มันเกิดทั่วประเทศ ทั้งนี้ คนเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร เด็กรุ่นใหม่มีอยู่ทุกบ้าน ค้นกูเกิลแล้วอธิบายให้พ่อแม่ฟัง ใครหนีข้อมูลข่าวสารคือหนีความจริง ยิ่งมีอำนาจมากเท่าไรเผด็จการมากเท่าไร กำลังหันหลังให้ความจริง

นอกจากนี้ โทนี่ยังได้กล่าวถึงกระแสระหว่างการหาเสียงของผู้สมัคร รับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ที่ผ่านมาว่า เมื่อก่อนมีรองปลัดกระทรวงต่างประเทศคนหนึ่งท่านพูดว่า คนไทยเนี่ยโง่ง่าย คือถูกหลอก แต่โง่ไม่นาน อย่าไปคิดว่าเขาโง่ตลอดไป นี่คือสิ่งที่ฟังแล้วยังแว่วในหู

"ทีนี้สิ่งที่คนไทยถูกหลอก ผมโดนปฏิวัติ ตั้ง คตส. เอาฝั่งตรงข้ามมาสอบ เกิดจากผลไม้พิษ ทุกคนรู้หมด งานผมก็เยอะ ทำไมผมโดนขนาดนี้ เขาก็เห็นใจมาก วันนี้ผมไม่ใช่ผี แต่พวกคุณกำลังเป็นผีแทนผมนะ ผมไม่ใช่ผีแต่พวกคุณคือผีที่หลอกหลอนเขาอยู่ทุกวัน ที่เขาต้องเจ็บช้ำ จนลงไป ต้องเจ๊ง ขายรถ ขายบ้าน ลูกติดยา ก็พวกผีอย่างคุณ"

ชี้ ถูกกลั่นแกล้ง ปล่อยข่าวลือ ข้ามหน้าข้ามตาสถาบันฯ

โทนี่ กล่าวว่า รัฐบาลไทยรักไทยได้รับความนิยมอย่างมาก เลือกตั้งรอบที่สองได้ตั้งรัฐบาลพรรคเดียว ครึ่งหนึ่งของสภาฯ คือ 375 เสียง แต่ตนนั้นได้มา 377 เสียง ซึ่งเกินครึ่งหนึ่งของสภาฯ คนก็ครหากันว่า ต่อไปการตั้งรัชทายาทคงต้องขึ้นกับตน เหากินหัวตาย ซึ่งเป็นเรื่องของพระเจ้าอยู่หัวฯ ต่อมาคือเรื่องวัดพระแก้ว ตอนนั้นจะทำบุญประเทศ ตนก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง คนที่เป็นมัคทายกประจำครม.คือ วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี (ในขณะนั้น) ประสานทุกฝ่าย ตอนนั้นวิษณุทำหนังสือถึงเลขาธิการพระราชวังเพื่อขอใช้วัดพระแก้วเปิดอาคารพระบิดรที่จะให้ไปถวายสักการะพระอัฐิของในหลวงองค์เก่าๆ 

ขณะที่ แก้วขวัญ วัชโรทัย เลขาธิการพระราชวังในขณะนั้น ทำเรื่องอยู่นานมาก จนถึงเวลาที่เราต้องจัดงงานแล้ว วิษณุเลยทำหนังสือถึงสำนักราชเลขาฯ ขออนุญาตกราบังคมทูลพระเจ้าอยู่หัวฯ ปรากฎว่า รองราชเลขาฯ ได้กราบบังคมทูลแล้วทรงอนุญาตให้ใช้ได้ จึงได้มีการเปิดใช้ทำบุญฉลอง แต่คุณแก้วขวัญแกก็โวยวาย เพราะคิดว่าแกไม่ได้อนุมัติทำไมรัฐบาลใช้ได้ แต่สุดท้ายก็โดนเอาไปปล่อยข่าวว่า ผมชั่วช้ามากไปใช้วัดพระแก้ว มันเป็นอะไรกับเรื่องแบบนี้ เราเป็นคนมีมารยาท มีระเบียบวินัย มีความจงรักภักดี แต่พวกนี้พยายามหาเรื่อง 

โทนี่ เล่าว่า ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่าการเลือกตั้งเป็นโมฆะ เพราะหันหน้าเข้าคูหา หันหลังให้กรรมการ และเมื่อตอน เม.ย. ปี 2549 ตนไปพักร้อน แต่ถูกผู้ใหญ่บอกว่าไปพักก่อนเหอะ จึงให้ พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รองนายกฯ ขณะนั้นทำหน้าที่รักษาการนายกฯ เสร็จแล้วต่อมาวันที่ 9 มิ.ย. 2549 ต้องจัดงานถวายพระเจ้าอยู่หัวฯ เรื่องครองราชย์ 60 ปี ตนจึงถูกเรียกกลับมาทำงานแบบเดิมจนสำเร็จเรียบร้อย แต่ระหว่างที่จัด ก็มีคนหมั่นไส้ที่ตนไปยืนรอรับแขก 

“สุดท้ายก็มีการลือว่า ผมหาแสง ผมโชว์ ผมทำงานเหนื่อยแทบตาย แต่เมื่อมันเป็นหน้าที่แบบนี้ผมต้องทำตามหมด” โทนี่ระบุ

เผยในหลวงเป็น ‘รับสั่ง’ แต่งตั้งรักษาการ ‘สมเด็จพระสังฆราชฯ’ 

โทนี่ อธิบายว่า การตั้งประธานผู้รักษาการสมเด็จพระสังฆราช ซึ่งตอนนั้นสมเด็จพระญาณสังวรฯ ประชวร ปรากฎว่า มีหนังสือขอย้ายตำรวจ ขอส่งเสริมทหาร โดยที่ลายพระหัตถ์ท่านไม่ปกติ ผมก็สงสัยว่าท่านรับรู้อะไรหรือเปล่า กลัวว่าจะเสียสถาบันสังฆราช และเสียพระองค์ท่าน จากนั้นจึงได้ไปหาหมอที่ทำการรักษา และถวายคำปรึกษาแก่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ว่าทำอย่างไร พระเจ้าอยู่หัวฯ จึงส่งคนของท่านไปถามหมอว่าเป็นอะไรกันแน่ ซึ่งหมอยืนยันทางวาจาว่าเป็นก้านสมองอักเสบ แต่ไม่กล้าเขียนใบรับรอง เมื่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทราบ ท่านจึงมีดำริให้ตั้งสมเด็จเกี่ยว (สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ)) มารักษาการพระสังฆราช 

โทนี่ กล่าวอีกว่า จนวันที่ถูกปฏิวัติเสร็จ คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภริยา โทรมาบอกว่า มีการจะเอาเรื่องเข้า ครม. เพื่อเปลี่ยนผู้รักษาการสังฆราช จากสมเด็จเกี่ยวมาเป็นสมเด็จวัดชนะสงคราม เสร็จแล้วจึงบอกว่า คงเป็นไปไม่ได้หรอก เพราะคนที่ทำเรื่องนี้ไม่ใช่ตน มันเป็นรับสั่งของพระเจ้าอยู่หัวฯ จึงได้มีการถอนเรื่องออกไป ทุกอย่างมีกระบวนการทางกฎหมาย แล้วตนไม่บังอาจจะไปตั้งสังฆราช ทุกวันทำงานตอนเป็นนายกฯ งานหนักอยู่แล้ว เพราะตนถือว่า ในหลวงเป็นประมุขแห่งรัฐ ส่วนนายกฯ เป็นประมุขของรัฐบาล มีอะไรต้องรายงานพระเจ้าอยู่หัวฯ เพราะถือเป็นผู้บังคับบัญชาเสมอ 

“มีอยู่วันหนึ่งพระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตามหาบัว) มาที่บ้านแล้วบอกว่า นายกฯ พาหลวงตาหาบัว เข้าเฝ้าพระบาทพระเจ้าอยู่หัวหน่อย ผมเลยบอกว่า ไม่ได้ครับ การเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ต้องทำหนังสือขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต ไม่ใช่อยู่ๆ นายกฯ จะพาใครเข้าก็ได้ หลวงตาเลยโกรธผม ซึ่งคนไม่รู้จะล้มนายกฯ ที่มาจากการเลือกตั้งได้อย่างไร จึงใช้เรื่องของในวัง ทั้งๆ ที่ผม เป็นคนถวายงานพระเจ้าอยู่หัวฯ ด้วยความจงรักภักดี” โทนี่ กล่าว 

แฉถูกแผนสังหาร-ยิงอาร์พีจี-สไนเปอร์ก่อนรัฐประหาร สั่งต้องฆ่าโทนี่ให้ตาย

โทนี่ เล่าว่า พอเริ่มมีการกล่าวหา ก็เร่ิมมีการชุมนุม ฝั่งที่เชียร์ตนก็มาชุมนุม จึงได้มีการบอกตำรวจว่า ขอให้สองฝ่ายอยู่ห่างๆ อย่าปะทะกัน แต่ดันมีคนไปปล่อยข่าวว่า จะมีคนมาเป็นล้านปะทะกันฆ่ากัน คนไทยตายเป็นหมื่นเป็นแสน ซึ่งความจริงแล้วมันแค่ระดับหมื่น และทั้งสองฝ่ายอยู่ห่างกันคนละโยชน์ และเมื่อมีการชุมนุมเมื่อไหร่ ถ้าคุณเห็นหัวเกรียนลงไปชุมนุม แสดงว่าเอาแล้ว มันเตรียมปฏิวัติ แผนประทุษกรรมคล้ายกันทุกรอบ อย่างตอนของยิ่งลักษณ์ ทหารต้องเข้าไปเกี่ยว ส่งคนเข้าไป เอาหน่วยซีลเข้าไป 

โทนี่ เล่าต่อว่า ตอนนั้นมีความเคลื่อนไหวคือ ตนถูกดักยิงด้วยสไนเปอร์จุดหนึ่งที่ จ.ลำปาง แต่บังเอิญว่าปราศรัยจาก จ.เชียงราย เสร็จก็เข้า จ.เชียงใหม่ต่อเลย ปรากฎว่าตั้งปืนเก้อ มาคราวทีหลังตั้งปืนตอนปราศรัยที่สนามหลวง ได้มีการตั้งปืนที่คณะรัฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ แต่ตนนั้นออกมาก่อน เพราะติดธุระ ปืนเลยตั้งไม่ได้เพราะนักศึกษายังไม่ออกจากตึก 

โทนี่ เล่าอีกว่า วันหนึ่งหลังกลับมาจากการลงพื้นที่ภาคอีสาน มีคนมาแจ้งว่า มีรถฮุนไดต้องสงสัยจอดอยู่ที่ทางออกประจำ จึงได้มีการเปลี่ยนแปลงทิศทางออก ปรากฎว่าไปเจอรถคันนั้นจอดอยู่ใน กอ.รมน. แล้วคันนี้ก็มาจอดดักที่ซังฮี้อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งตำรวจที่นั่งหน้ารถจำได้ จึงได้เรียกตำรวจที่เฝ้าบ้านออกมาหมด และยึดรถก่อนที่จะเปิดท้ายดู พบว่า เจอระเบิดซีโฟร์ และทีเอ็นที เต็มหลังรถ ถ้าระเบิดปุ๊บ ทั้งซังฮี้ โรงเรียนเขมะสิริอนุสสรณ์ไปหมด เพราะระเบิดมีจำนวนมาก แต่ทำไมมันไม่ถึงไม่ระเบิด 

โทนี่ เล่าต่อว่า ปกติตนจะออกจากบ้านสาย แต่วันนั้นบังเอิญต้องเตรียมเดินทางไปประชุมเอเชียยุโรป แต่อยากเคลียร์ปัญหาคือเรื่องน้ำท่วม จ.น่าน จึงเรียกประชุมฉุกเฉิน สื่อก็ไม่รู้ เพราะออกจากบ้านเช้า แต่ไอ้คนที่มารอดักคงเผลอไปกินข้าวในตลาด คงอาจจะกดไม่ทัน หรือกดแล้วแต่ไม่ระเบิด ปรากฎว่า คนที่ลอบวางระเบิดคือเพื่อนรุ่นเดียวที่นั่งติดกับตนน ที่ต้องมารับจ้าง เพราะลูกเรียนอยู่อเมริกา และตัวเป็นมะเร็ง แล้วคนนั้นคือผู้เชี่ยวชาญระเบิด เขาจ้างมัน มันก็เลยทำ แต่มันไม่รู้ทำแบบไหนให้ถูกจับได้ 

ซัดวาทกรรม 'คาร์บ๊อง' เพี้ยนด่ายับพ่อมึงดิ

“แก๊งผีหลอกประชาชนเลยเอาไปพูดให้เป็นเรื่องเพี้ยนๆว่า คาร์บ๊อง ไม่ใช่คาร์บอม เพี้ยนพ่อมึงดิ มีซีโฟร์ กับทีเอ็นที เต็มรถ ผมโชคดีรอดตาย เสร็จแล้วมีการจับกุม ร.ท.ธวัชชัย กลิ่นชะนะ และพ.ท.มนัส สุขประเสริฐ ปรากฎว่าไปจับจ่ายักษ์อีกคน จ่ายักษ์ให้การหมดเลยว่า มีพลเอกคนหนึ่งมาตามตลอดเวลาว่าเมื่อไหร่จะฆ่าทักษิณสักที แล้วก็มีพลเอกอีกคนมาเล่าให้ฟังว่า เดิมทีจะเอาอาร์พีจี มายิงบ้านผม แต่คนที่ถูกใช้เขาเคารพเมียผมเลยไม่ทำ ก็เลยเป็นที่มาของสไนเปอร์มายิงผม"

โทนี่ กล่าวต่อว่า จ่ายักษ์ จ.ส.อ.ชาคริต จันทระ ให้การสารภาพว่า เขาต้องฆ่าให้ตาย ถ้าฆ่าไม่ตายจะมีการปฏิวัติในปี 2549 เกิดขึ้น แล้วยังบอกด้วยว่า ปฏิวัติเสร็จคนจะเป็นนายกฯ ชื่ออะไร ทุกอย่างถูกหมดเลย แล้วที่สำคัญคือมีนายทหารคนหนึ่งที่ถูกออกราชการ เมื่อปฏิวัติเสร็จแล้วเขานึกว่าจะมาช่วยเขาเข้ารับราชการ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ช่วย คนที่จะกดรีโมทระเบิดฆ่าผมไม่มีเงิน ผมเลยเรียกให้เขามาเอาเงิน ผมทำทุกอย่างเพื่อบ้านเมือง

"ป้อม (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) เตรียมทหารรุ่นที่ 6 หลอกผมบอกไม่มีปฏิวัติ เมื่อป้อม เกษียณฯ ก็ตั้ง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน เป็น ผบ.ทบ ตอนหลังผมเจอ พล.อ.สนธิ ก็ถามถ้าผมอยู่จะกล้าปฏิวัติไหม เขาบอกไม่กล้าครับ เพราะท่านกล้าสั่งการ การที่ผมไปนานก็เปิดช่องทาง ตอนรัฐประหาร ผมยังบอก พล.อ.สนธิ ว่าลูกผู้ชาย จบเป็นจบ แต่อย่ากลั่นแกล้งผมทางการเมืองนะ ไม่นั้นผมไม่ยอม จึงเป็นที่มาผมถูกกลั่นแกล้ง แพ้ไม่เป็น ถ้าพูดดีๆ ไม่กลั่นแกล้งกัน ไม่ทำร้ายกััน ไม่มีใครอยากเป็นนายกฯ ไปตลอด เหนื่อยฉิบหาย แต่เป็นไปแล้วต้องทำให้มันดี เพราะเป็นเรื่องของบ้านเมือง ประชาชนที่ต้องดูแล"

โทนี่ ยังเล่าอีกว่า "เมื่อไปประชุมเอเชียยุโรปที่ฟินแลนด์ ประชุมเสร็จมีเวลา 3-4 วัน แทนที่จะมาเมืองไทย พวกก็บอกว่า อย่ามาเลย อยู่กับเพื่อนเถอะ ตอนนั้นน้องเอม (พินทองทา คุณากรวงศ์ บุตรสาว) เรียนหนังสืออยู่ก็เลยอยู่ ตอนนั้นก็ยังเสียวๆ อยู่ว่าแม่งจะปฏิวัติป่าววะ หลังจากนั้นจึงบินไปประชุมที่คิวบา ไปประชุมเสร็จแล้วค่อยบินเข้าเมกาจากนั้นก็จึงมีการปฏิวัติ"

ย้ำรัฐบาลต้องปลด ผบ.ทบ.ได้

โทนี่กล่าวว่า ต้องมีกฎหมายเด็ดขาด ถ้ารัฐบาลสามารถปลด ผบ.ทบ.ได้ทันทีก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ ทหารป้องกันมีคณะกรรมการ มีนายกฯ 1 เสียง รมว.กลาโหม 1 เสียง มีผบ.เหล่าทัพคนละเสียง มันมากกว่า ถ้ามีการเลื่อนยศ ปลดย้าย จริงๆ ควรขึ้นตรงกับ รมว.กลาโหมและนายกรัฐมนตรี แต่ผู้นำเหล่าทัพไม่ยอมขึ้นตรงแต่กลับไปอ้างว่าเป็นทหารของพระเจ้าอยู่หัว แล้วนำพระเจ้าอยู่หัวมาอ้าง วันนี้ถ้ามีกฎหมายพวกนี้ถึงเวลาก็เข้าคุก มันได้อย่างนี้ก็จบ 

ปลุกเลือกตั้งครั้งหน้าให้เลือกตั้งแลนด์สไลด์เหมือน กทม.

โทนี่ยังระบุในช่วงท้ายว่า ถ้าให้สงบจริงต้องเป็นประชาธิปไตย เลือกตั้งคราวหน้าประชาชนออกมาเทเหมือน กทม. จะเห็นบ้านเมืองเปลี่ยนไปจริงๆ

มีคำถามจากผู้ฟังถามถึงโทนี่ถึงสาเหตุที่พรรคเพื่อไทยเจาะพื้นที่ ส.ก.ในเขตบางรักได้ โทนี่ ระบุว่า ส.ก.คนนี้ เป็นนักบินแล้วตกงานก็คิดว่ามาเอาดี ส.ก. เป็นคนมีมุมานะ ขยัน เดินหลายรอบ ชาวบ้านก็เห็นว่าคนนี้ตั้งใจดี ด้วยกระแสพรรคและตัวเขาเอง และประชาชนเปิดตัวเองมากขึ้น มองเห็นว่าควรไปสู่ระบอบประชาธิปไตยจริงๆ ทำให้พรรคเพื่อไทยเจาะได้หลายที่ที่ไม่เข้า

"ยุบสภาใหม่เลือกตั้งให้ประชาชนตัดสิน พรรคร่วมรัฐบาลก็ยิ่งอยู่นานยิ่งเน่าไปด้วย" โทนี่ ระบุ

ถามว่า ทำไมตอนถูกรัฐประหารไม่ตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น โทนี่กล่าวว่า การตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นจจะทำได้ หากโลกไม่เชื่อมโยงกัน แต่การตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นในตอนนี้ถ้ายูเอ็นไม่เอาด้วยก็จบ คือ สหรัฐฯ จีน รัสเซีย อังกฤษ ต้องสนับสนุน ถ้าไปอยู่ที่รัฐบาลพลัดถิ่นในประเทศเดียวตนไม่เอา

ถามเรื่องผู้ว่าฯ กทม.มีคำพูดของว่าที่ผู้ว่าฯ กทม.เขาพูดเรื่องไม่แบ่งฝักแบ่งฝ่าย คิดว่าจะเป็นไปได้หรือไม่จะสร้างความสมานฉันท์ ลดความขัดแย้งเกิดความเห็นต่างของสีหลายสีในประเทศ โทนี่กล่าวว่า ต้องเริ่มต้นที่จุดเล็กคือกรุงเทพฯ ก็เป็นสิ่งดี จริงๆ ถ้าเราเริ่มต้นทำงานโดยรับฟังทุกฝ่ายโดยยึดประโยชน์ประชาชนเป็นที่ตั้งก็ไม่มีปัญหา เมื่อ ชัชชาติ สิทธิพันธ์ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. จะลงอิสระก็ไม่มีพรรคการเมืองสังกัดก็สามารถทำงานร่วมกับทุกพรรคได้ ก็เป็นเรื่องที่ดี แต่จะทำได้หรือไม่ ก็อยู่ที่การทำงานสักพัก โดยบางพรรคการเมืองก็อาจจะออกลาย ทำให้บอกว่าทำงานด้วยกันไม่ได้ แต่คบกันได้ แต่สนามกรุงเทพฯ มันเป็นเรื่องที่ผลประโยชน์น้อยกว่าทั้งประเทศ โอกาสคุยกันรู้เรื่องจะมากกว่า

เตือน 'ประยุทธ์' อ่วมแน่อยู่ต่อไม่ออกนายกฯ ถ้ายุบสภาฯ แพ้ยับ

"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ต้องคิดว่าถ้าตัวเองยุบสภาฯ ตอนนี้ตัวเองจะแพ้ย่อยยับ แต่ถ้าพล.อ.ประยุทธ์คิดว่าไม่ลงการเมืองแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ไปเสีย แต่ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ต่อ พรรคพลังประชารัฐ พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทยพัฒนา ที่ร่วมยิ่งเหนื่อย เพราะคนไม่ไหวกับสภาพอย่างนี้ พรรคการเมืองที่ร่วมรัฐบาลจะเหน็ดเหนื่อยมาก"

ถามว่า พรรคเศรษฐกิจไทยเปลี่ยนแปลงด้วยการลาออกจากกรรมการบริหารพรรคกว่า 10 คน โทนี่ระบุว่า เข้าใจว่าขัดแย้งงภายในระหว่าง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยาเลขาธิการพรรคกับ พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา หัวหน้าพรรค ก็เห็นใจ พล.อ.วิชญ์ เพราะเป็นคนดี เป็นรุ่นน้อง อาจไม่เข้าใจเกมการเมือง เพราะเป็นทหารทั้งชีวิตแล้วมาเป็นหัวหน้าพรรค คุยไม่ลงตัว พวกเขาพวกเดียวกัน