นายนิยม ช่างพินิจ ส.ส.พิษณุโลก พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า สถานการณ์ภัยแล้งในปีนี้รุนแรงมากกว่า ส่งผลให้เกษตรกร โดยเฉพาะพี่น้องชาวนาไม่สามารถที่จะทำนาได้ จากเดิมที่เกษตรกรจะปลูกข้าวในเดือน พ.ค. แต่ปีนี้ทำไม่ได้เพราะไม่มีน้ำทำนา ขณะที่ปริมาณน้ำต้นทุนในเขื่อนหลายเขื่อนปีนี้มีน้ำน้อยมาก ทั้งเขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนภูมิพล ซึ่งเป็นเขื่อนหลักที่หล่อเลี้ยงพี่น้องเกษตรกรในพื้นที่ภาคเหนือไม่สามารถที่จะปล่อยน้ำให้กับเกษตรกรได้ ส่งผลให้เกษตรกรไม่มีน้ำทำการเกษตร
ที่ผ่านมาแม้จะมีฝนตกลงมาบ้าง แต่ก็ไม่เพียงพอที่กักเก็บน้ำ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรได้ นอกจากนี้พืชผลทางการเกษตรทั้ง ข้าว อ้อย มันสำปะหลัง ได้รับผลกระทบเสียหายหมด รัฐบาลประกาศแผนงานยุทธศาสตร์ด้านการเกษตร มีนโยบายต่อยอดให้เกษตรกร จะทำได้อย่างไร เพราะไม่มีพืชตัวไหนที่ไม่ใช้น้ำ เมื่อไม่มีน้ำก็ไม่สามารถที่จะทำการเกษตรได้
นายนิยม กล่าวด้วยว่า การแก้ไขปัญหาภัยแล้งตลอด 6 ปีที่ผ่านมารัฐบาลใช้งบประมาณมหาศาล แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะรัฐบาลยังยึดติดกับการแก้ปัญหาแบบเก่าคือ ขุดลอกคลอง ขุดบ่อ เป็นการใช้งบประมาณที่ไม่เกิดประโยชน์และไม่คุ้มค่า รวมทั้งมีข่าวเรื่องการทุจริตเกี่ยวกับโครงการแก้ปัญหาภัยแล้งทุกปี
"รัฐบาลต้องบูรณาการแก้ปัญหาภัยแล้งทั้งระบบ ต้องคิดใหม่ และแก้ปัญหาเป็นสายน้ำ ทั้งแม่น้ำยม แม่น้ำน่าน จะต้องสร้างประตูระบายน้ำ เพื่อผลักดันน้ำในฤดูน้ำหลากไปกักเก็บน้ำ ไปสู่บ่อน้ำที่ชาวบ้านขุดไว้ สร้างระบบส่งน้ำเข้าสู่แก้มลิง รวมทั้งสร้างเขื่อนกั้นแม่น้ำเพื่อป้องกันดินพัง หากดำเนินการเช่นนี้จะสามารถแก้ปัญหาภัยแล้วได้อย่างยั่งยืน" นายนิยม กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :