วันที่ 13 พ.ย. ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงกรณีการแก้ไขปัญหาการนำเข้าเนื้อสุกรเถื่อน และการทำงานของภาครัฐที่ล่าช้าจนทำให้นายกรัฐมนตรีมีอารมรณ์ไม่พอใจในการประชุมด่วนที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ก่อนเดินทางไปประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อร่วมประชุมเอเปคเมื่อวานนี้ (12 พ.ย.)
โดย ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า นายกฯ ได้ประสานส่วนตัวมาเพื่ออยากพบกับอธิบดีกรมปศุสัตว์ ซึ่งเป็นหน่วยงานในการปราบปรามสินค้าเกษตรเถื่อน และทาง DSI ก็ถือเป็นหน่วยงานหลักในการปราบปรามเรื่องนี้ อีกทั้งยังให้ฝ่ายกฎหมายของกระทรวงเกษตรฯ ประสานไปยัง สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงิน และนำไปสู่การเป็นคดีพิเศษ และสั่งอายัดทรัพย์แก่ผู้นำเข้ารายใหญ่
ร.อ.ธรรมนัส ยืนยันว่า ที่ผ่านมาสามารถดำเนินการขับกุมไปหลายคดีแล้ว แต่ความคืบหน้าในการเข้าถึงผู้อยู่เบื้องหลัง ซึ่งเป็นหน้าที่ของ DSI ยังไม่มีความคืบหน้า แต่ก็ได้กำชับไปแล้วว่า ต้องมีความคืบหน้า และสืบไปจนถึงต้นตอว่า ใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังทั้งหมด ซึ่งวันนี้ได้ลงนามหนังสือคำสั่งของกระทรวงเกษตรฯ ที่ส่งไปถึงอธิบดีทุกกรมที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการปราบปรามสินค้าภาคการเกษตรที่นำเข้าอย่างผิดกฎหมาย
แม้ว่า เนื้อสุกรเถื่อนจะกระจายตัวอยู่ตามห้องเย็นทั่วประเทศ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า เรื่องของห้องเย็นเป็นเรื่องของปลายทาง แต่ต้นทางคือด่านต่างๆ ที่นำเข้ามา ซึ่งตอนนี้กระทรวงเกษตรฯ ได้จัดตั้งชุดปฏิบัติการพิเศษ นำโดยเจ้าหน้าที่จากฝ่ายความมั่นคงมาจัดการเพิ่มเติมแล้ว
“เพราะฉะนั้นขอเตือนไปยังข้าราชการในแต่ละอำเภอ และจังหวัดทั่วประเทศว่า อย่าพลาด หากพลาดไปอนาคตทางราชการอาจจะดับได้” ร.อ.ธรรมนัส กล่าว
อย่างไรก็ตาม ยังมีการตั้งข้อสงสัยว่า ข้าราชการอาจมีส่วนรู้เห็นในการลักลอบนำเข้าสินค้าภาคการเกษตรเถื่อน ร.อ.ธรรมนัส ระบุว่า ในส่วนของกระทรวงเกษตรฯ หากเป็นช่วงอดีตก่อนตนมารับตำแหน่งนั้นไม่ทราบ แต่ถ้าเป็นยุคนี้ หากมีเจ้าหน้าที่ หรือข้าราชการไปเกี่ยวข้องก็ต้องโดนเช่นกัน