กระทรวงสาธารณสุข ขานรับนโยบาย “เศรษฐกิจสุขภาพ” ของรัฐบาล ขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็น “Medical & Wellness Hub” เต็มรูปแบบ ผ่าน 6 กลไกหลัก ภูมิปัญญาไทย - นวดไทย สมุนไพร ท่องเที่ยวสุขภาพ อุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ ผลิตภัณฑ์การแพทย์มูลค่าสูง (ATMPs) และสุขภาพบุคคลและความงาม มุ่งสร้าง มูลค่าทางเศรษฐกิจ 6.9 แสนล้านบาท ให้ประเทศ ที่ผ่านมาสร้างรายได้แล้วกว่า 1.18 แสนล้านบาท คาดการณ์ 3 ปี มูลค่าเศรษฐกิจรวม จะขยายตัวถึง 1.98 ล้านล้านบาท จัดตั้งสำนักงานเศรษฐกิจสุขภาพ และศูนย์บริหารจัดการข้อมูลเศรษฐกิจสุขภาพอัจฉริยะ รองรับพร้อมระบบข้อมูลที่เชื่อมโยง โปร่งใส แม่นยำ ช่วยในการตัดสินใจเชิงนโยบาย
วันนี้ (21 สิงหาคม 2568) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานประกาศนโยบายรัฐบาลเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจสุขภาพของประเทศ โดยมี นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ร่วมงาน โดยนายสมศักดิ์ ได้แสดงวิสัยทัศน์ในการผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการแพทย์และสุขภาพ หรือ Medical & Wellness Hub ระดับสากล ว่า รัฐบาลได้ประกาศนโยบาย “เศรษฐกิจสุขภาพ” ผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการแพทย์และสุขภาพ หรือ Medical & Wellness ระดับสากล เพื่อสร้างมูลค่าเศรษฐกิจให้กับประเทศ โดยมีมูลค่าเป้าหมาย 6.9 แสนล้านบาท (3.39% ของ GDP) ผ่าน 6 กลไกสำคัญ ได้แก่
1.การยกระดับภูมิปัญญาไทยและนวดไทย
2.การต่อยอดสมุนไพรไทย ยาไทย และอาหารไทย
3.การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ
4.การพัฒนาอุตสาหกรรมเครื่องมือทางการแพทย์
5.การยกระดับศูนย์กลางด้านการแพทย์และสุขภาพมูลค่าสูง
6.การส่งเสริมธุรกิจและบริการด้านสุขภาพบุคคลและความงาม
กระทรวงสาธารณสุข ได้ขับเคลื่อนนโยบาย “ Medical & Wellness Hub” ของรัฐบาล โดยจัดตั้งสำนักงานเศรษฐกิจสุขภาพ และศูนย์บริหารจัดการข้อมูลเศรษฐกิจสุขภาพอัจฉริยะ (Health Economics Intelligent Operation Center: IOC) รองรับการดำเนินงาน ให้มีระบบข้อมูลที่เชื่อมโยง สร้างความโปร่งใส และแม่นยำ ช่วยในการตัดสินใจเชิงนโยบาย เสริมสร้างบทบาทของไทยในฐานะ Medical & Wellness Hub บนเวทีนานาชาติ ซึ่งที่ผ่านมามีมูลค่าทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการดำเนินงานตาม 6 กลไกข้างต้นแล้วกว่า 1.18 แสนล้านบาท คิดเป็น 17% ของเป้าหมาย 6.9 แสนล้านบาท และยังเกิดมูลค่าเศรษฐกิจรวมทางตรงและทางอ้อมอีก 3.72 แสนล้านบาท คาดว่าภายใน 3 ปี มูลค่าเศรษฐกิจทั้งทางตรงและทางอ้อมจะขยายเป็นกว่า 1.98 ล้านล้านบาท (11.08% ของ GDP)
ด้านนายแพทย์โอภาส กล่าวเพิ่มเติมว่า สำนักงานเศรษฐกิจสุขภาพ จะเป็นศูนย์กลางการวิเคราะห์ วิจัย และขับเคลื่อนเชิงนโยบายอย่างเป็นระบบและยั่งยืน ขณะที่ศูนย์บริหารจัดการข้อมูลเศรษฐกิจสุขภาพอัจฉริยะ จะทำหน้าที่เป็นกลไกกลางในการติดตามสถานการณ์ วิเคราะห์แนวโน้ม ประเมินผลสัมฤทธิ์ทางเศรษฐกิจ โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลขั้นสูง เช่น Big Data, AI และ Dashboard แบบ Real-time เป็นระบบข้อมูลที่เชื่อมโยง ทันสมัย โปร่งใส เชื่อถือได้ ส่งผลให้สามารถขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจสุขภาพของรัฐบาลได้อย่างมีประสิทธิภาพ