สมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย ยืนหนังสือคัดค้านประเทศไทยเข้าร่วม CPTPP ต่อนายวีระกร คำประกอบ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาผลกระทบจากการเข้าร่วมความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (CPTPP) โดยมีสาระสำคัญดังนี้
1.การเข้าร่วม CPTPP จะทำให้ไทยต้องเข้าเป็นภาคีในสนธิสัญญาคุ้มครองพันธุ์พืชใหม่ ซึ่งเพิ่มอำนาจการผูกขาดสายพันธุ์พืช ห้ามเกษตรกรเก็บพันธุ์พืชไปปลูกต่อ รวมทั้งขยายอำนาจผู้กขาดการผูกขาดจากเดิมเฉพาะสายพันธุ์พืช และกรทบต่อการพัฒนาขีดความสามารถของนักปรับปรุงพันธุ์รายย่อยและเกษตรกร
2.การเข้าร่วม CPTPP ยังทำให้ไทยต้องเข้าเป็นภาคีสนธิสัญญาบูดาเปสต์ ว่าด้วยการยอมรับระหว่างประเทศในการฝากเก็บจุลชีพเพื่อการจดสิทธิบัตร และต้องแก้กฎหมายคุ้มครองพันธุ์พืช พ.ศ.2542 ซึ่งจะมีผลกระทบต่อกลไกในการแบ่งผลประโยชน์ทั้งในเรื่องทรัพยากรจุลชีพและการคุ้มครองพืช
3.ตามข้อตกลง CPTPP ที่ครอบคลุมการผูกขาดการค้าการลงทุน สิ่งแวดล้อม การเอารัดเอาเปรียบเรื่องทรัพสินทางปัญญาในสนธิสัญญาต่างๆ อีกหลายสัญญาที่มีข้อผูกมัดเชื่อมโยง จนเศรษฐกิจรากฐานไม่สามารถเข้าถึงและเกิดข้อเสียในการพัฒนาความมั่นคงภายในประเทศได้
4.จำเป็นด้วยหรือที่ประเทศต้องเข้าร่วม CPTPP เพราะค่า GDP ที่โตขึ้นใครเป็นคนได้และตกอยู่ในกลุ่มไหน และคนที่เสียผลประโยชน์ค่อกลุ่มใด การที่ GDP เติบโตใช่ว่าประชาชนฐานรากจะมีความในอยู่ที่ดีขึ้น ทั้งที่มีข้อตกลงเกี่ยวกับเกษตรเรื่องพันธุ์พืช เรื่องลิขสิทธิ์องค์กรเภสัชกรรม การเข้าถึงสิทธิการรักษาพยาบาล และความมั่นคงทางสาธารณสุข ที่ไม่สามารถยืดหยุนได้ เพราะมีข้ออนุสัญญาส่งผลต่อเรื่องคุ้มครองและลิดรอนสิทธิ เอื้อประโยชน์กับนายทุนใหญ่
5.ในการศึกษาผลกระทบการเข้าร่วม CPTPP ทางสมาคมชาวนาฯ รวมถึงองค์กรต่างๆ อดคิดไม่ได้ว่าในความพยายามผลักดันเพื่อเข้าร่วม โดยอาศัยเรื่องการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นคำกล่าวอ้างที่ไม่เหมาะสม แต่เพราะมีวาระซ่อนเร้นของกลุ่มทุนที่ได้รับผลประโยชน์
6.สมาคมชาวนาฯ ขอให้เสนอให้เปิดผลการประเมินผลกระทบจากการตัดสินใจเข้าร่วม ต่อมิติทางสังคมของประชาชนและเกษตร เศรษฐกิจ เสถียรภาพต่อการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืนของชาติ รวมถึงการรับผิดต่อข้อผิดพลาดจากการตัดสินใจของรัฐ
อ่านเพิ่มเติม