เวลา 10.00 น. ที่ศาลอาญารัชดาบัลลังก์ 908 ได้มีการนัดอ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้น คดีที่พนักงานอัยการฟ้องดำเนินคดีกับกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง กรณีการชุมนุมเรียกร้องให้มีการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2561 โดยมีการปราศรัยและเดินขบวนจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ไปยังหน้ากองทัพบก เพื่อเรียกร้องให้ รัฐบาล คสช. จัดการเลือกตั้งตามกำหนดเวลาที่เคยสัญญาไว้
ในคดีดังกล่าวพนังานอัยการได้ฟ้องดำเนินคดีกับจำเลยทั้ง 10 คน ในฐานะแกนนำการชุมนุม ทั้งสิ้น 4 ข้อหาได้แก่ 1.ข้อหายุยงปลุกปั่น ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 (2) (3), 2.เดินขบวนหรือเคลื่อนย้ายการชุมนุมหลัง 6 โมงเย็นโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ, ไม่เลิกชุมนุมตามเวลาที่ผู้จัดชุมนุมแจ้งไว้ ตาม พ.ร.บ.ชุมนุมฯ พ.ศ. 2558, 3.โฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงฯ ตามมาตรา 4 ของพ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง พ.ศ. 2493 และ 4.ร่วมกันเดินขบวนขวางการจราจร ตามพ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 108, 114
โดยวันนี้ จำเลยทั้ง 10 คนได้แก่ รังสิมันต์ โรม, ปกรณ์ อารีกุล, สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์, ธนวัฒน์ พรหมจักร, ณัฏฐา มหัทธนา, กาณฑ์ พงษ์ประภาพันธ์, เอกชัย หงส์กังวาน, โชคชัย ไพบูลย์รัชตะ, อานนท์ นำภา,และศรีไพ นนทรี ได้เดินทางมาฟังคำพิพากษา ซึ่งองค์ผู้พิพากษาได้ขึ้นอ่านคำพิพากษาในเวลาประมาณ 10:30 น.
สรุปผลคำพิพากษาได้ว่า จำเลยทั้ง 10 ในฐานะแกนนำของผู้ชุมนุม ได้จัดการชุมนุมโดยจะมีการแจ้งขออนุญาตการชุมนุมตามกฏหมาย และควบคุมให้การชุมนุมเป็นไปโดยสงบ ปราศจากอาวุธ ไม่เกิดความวุ่นวายหรือกระทบต่อพี่น้องประชาชนจนเกินสมควร การปราศรัยหรือเนื้อหาในการชุมนุมก็เป็นไปในลักษณะเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งและวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลในขณะนั้นโดยไม่มีการใช้คำหยาบคายถือเป็นการใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้การชุมนุมและเดินขบวนดังกล่าวได้มีการเลิกชุมนุมช้ากว่าเวลาที่แจ้งไว้เพียง 30 นาทีและไม่มีเหตุวุ่นวายหรือก่อความไม่สงบใดๆ
ศาลจึงมีคำพิพากษายกฟ้อง ในข้อหาข้อหายุยงปลุกปั่น ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 ข้อหาตาม พ.ร.บ.ชุมนุมฯ และข้อหาร่วมกันเดินขบวนขวางการจราจร ตามพ.ร.บ.จราจรทางบก และสั่งปรับจำเลยทั้ง 10 ในฐานะแกนนำการชุมนุมคนละ 200 บาท ในข้อหาโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงฯ โดย ไม่แจ้งขออนุญาตต่อเจ้าพนักงาน