ท่อนเปิดของบทเพลงแรปสุดแสบสันนี้ เกิดขึ้นหลังอดีต ส.ส.จากพรรคการเมืองฟากฝั่งรัฐบาล เข้าร้องเรียนต่อกระทรวงวัฒนธรรม ถึงความไม่เหมาะสมของโชว์ชุดว่ายน้ำบนเวทีประกวดนางงาม อ้างว่าวาบหวิวเกินไป ขัดต่อภาพลักษณ์ประเทศไทย
‘วอยซ์’ เริ่มต้นถาม ‘พราด้า - ธันย์สิตา ดิลกอนันต์สกุล’ สาวงามจากเวทีประกวด Miss Grand Thailand เจ้าของบทเพลงแรปดังกล่าวว่ารู้สึกอย่างไรบ้าง เมื่อสตรีเพศออกมากดขี่กันผ่านเครื่องแต่งกายเช่นนี้
“มันเป็นอะไรที่ไม่ควรมีแล้ว การแสดงความคิดเห็นอะไรแบบนี้ ผู้หญิงและผู้ชายมีสิทธิเท่าเทียมกันหมด การที่ฝ่ายหญิงเราจะโดนโจมตีแบบนี้ รู้สึกว่ามันไม่ค่อยแฟร์เท่าไหร่”
เธออยากอธิบายให้คนที่ไม่เข้าใจได้รับรู้ว่า การมีชุดว่ายน้ำบนเวทีประกวดเป็นเรื่องปกติ เพราะเป็นบริบทของการประกวดนางงาม เพื่อที่จะเฟ้นหาสาวงามที่มีรูปร่างที่ดี ดูว่าเขามีวินัยในการรักษาหุ่นขนาดไหน มีความตั้งใจที่จะมาประกวด พัฒนาตัวเอง หรือว่าหาโอกาสให้ตัวเองบนเวทีนี้อย่างไร เธอจึงรู้สึกแปลกใจที่เวทีนางงามโดนโจมตีในเรื่องนี้อยู่
ด้วยความชอบในสายงานบันเทิงเป็นทุนเดิม เส้นทางเข้าสู่วงการของเธอจึงเริ่มต้นขึ้นช่วงปี 2019 ตั้งแต่อายุประมาณ 20 ปี กับการเป็น MC สายฮิปฮอปเรื่อยมา จนได้ก้าวเข้าสู่การเป็นศิลปินอย่างเต็มตัวเมื่อปีที่แล้ว และได้เริ่มทำผลงานเพลงของตัวเอง โดยก่อนหน้านี้ เธอบอกว่าประสบการณ์จากการเป็นผู้เข้าแข่งขันรายการ Show Me The Money ซึ่งเป็นเรียลลิตี้โชว์แข่งขันแรป ถือเป็นโอกาสสำคัญที่ทำให้ผันตัวสู่การเป็นศิลปินฮิปฮอปด้วย
หลังจากนั้น เมื่อเธอหวนกลับสู่การประกวดนางงามอีกครั้งในฐานะ Miss Grand ประจำจังหวัดกาญจนบุรี เธอจึงหยิบยกความเป็นศิลปินมาใช้เป็นจุดขาย เพื่อสร้างความแตกต่างจากสาวงามคนอื่นให้เป็นที่น่าจดจำ
เธออธิบายว่า เลือกที่จะถ่ายทอดมุมมองการเมืองผ่านเนื้อเพลงแรป ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่า 'วัฒนธรรมฮิปฮอป' คือ การตีแผ่ความจริงออกมาในมุมมองของบทเพลง เพื่อให้เยาวชนคนรุ่นใหม่ในวัยใกล้เคียงกันกับเธอมีความรู้ความเข้าใจการเมืองไทยได้ง่ายขึ้น ซึ่งทั้งวงการฮิปฮอป และวงการนางงามที่เธอประกวดอยู่อย่าง Miss Grand ต่างมีจุดยืนที่ค่อนข้างชัดเจนเรื่องเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการเมืองและประชาธิปไตย
เธอเชื่อว่า การใช้พื้นที่รูปแบบต่างๆ พูดถึงการเมืองเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะว่าเรื่องการเมืองเป็นเรื่องของทุกคน ดังนั้น ไม่ว่าใครก็มีสิทธิมีเสียงที่จะออกมาพูด แม้จะเห็นด้วยหรือเห็นต่างก็ตาม
เมื่อลองให้เธอประเมินผลงานของรัฐบาล เธอตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า ไม่ได้มีอะไรที่ค่อนข้างพัฒนาหรือว่าก้าวหน้าสักเท่าไหร่ จึงเป็นเหตุให้เกิดปรากฏการณ์ที่ประชาชนคนรุ่นใหม่เริ่มออกมาต่อต้านและเรียกร้องให้คืนอำนาจกลับสู่ประชาชน
เมื่อถามว่า อยากให้รัฐบาลพัฒนาในส่วนไหนบ้าง หรือว่าสนับสนุนในส่วนไหนบ้าง เธอออกตัวว่า อยากสะท้อนผ่านมุมมองความเป็นศิลปิน เพราะมีศิลปินไทยหลายคน ทั้งหน้าใหม่และหน้าเก่า ที่มีความสามารถมากๆ แต่ไม่ได้รับการสนับสนุน ทำให้วงการนี้ไม่ค่อยเติบโตมากนัก ขณะที่วัฒนธรรม K-Pop หรือ ฮิปฮอป ของต่างประเทศ กลับสามารถสร้างรายได้ได้ค่อนข้างมาก
เธอมองว่า อุตสาหกรรมเพลงในไทยยังถูกปิดกั้นอยู่ และไม่ได้มีการสนับสนุนจากรัฐบาลมากพอที่จะทำให้วัฒนธรรมของไทยถูกเผยแพร่ออกไปให้นานาชาติได้เห็น โดยยกตัวอย่างกรณีของ มิลลิ ดนุภา คณาธีรกุล (Milli) ศิลปินเดี่ยวชาวไทยคนแรก ที่ได้ขึ้นทำการแสดงบนเวทีเทศกาลดนตรีระดับโลก Coachella 2022 ประเทศสหรัฐอเมริกา แล้วนำเอาความเป็นไทยขึ้นไปบอกกล่าวให้ชาวต่างชาติได้รับรู้ และนั่นคือ Soft Power รูปแบบหนึ่ง
ขณะเดียวกัน เธอบอกว่า เวทีประกวด Miss Grand ก็พยายามที่จะผลักดัน Soft Power ในบริบทของนางงามให้มีความโดดเด่นยิ่งขึ้น เมื่อกาลเวลาเปลี่ยนแปลงไป การประกวดนางงามจึงไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่การตามหาผู้หญิงที่สวยที่สุด ทว่าทุกวันนี้ การประกวดนางงามยังต้องการคนที่มีความคิดที่ดี มีรูปร่างที่ดี มีความตั้งใจที่ดี ที่จะขึ้นมาเป็นกระบอกเสียงให้ผู้หญิงหลายๆ คนในสังคมที่ไม่ได้รับความยุติธรรม หรือยังได้รับความไม่เท่าเทียมในสังคมจากหลากหลายวงการ
เพราะเหล่าสาวงามที่มาประกวดมาจากทุกสายอาชีพ ไม่ได้มีแค่นักแสดง นายแบบ นางแบบ เท่านั้น แต่เปิดกว้างสำหรับทุกคนเพื่อให้พวกเขาได้ใช้พื้นที่ตรงนี้นำเสนอตัวเอง หรือหาโอกาสต่อยอดในการทำงาน และเป็นกระบอกเสียงที่สำคัญให้กับผู้หญิงในประเทศไทย
ในฐานะที่ตัวเธอเองก็เป็นคนรุ่นใหม่ในโลกที่เจริญก้าวหน้าเป็นอย่างมาก พราด้า วัย 23 ปี เห็นว่า เยาวชนคนหนุ่มสาวต่างรับรู้ถึงสถานการณ์บ้านเมืองเป็นอย่างดี และอยากเห็นความเปลี่ยนแปลงไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง จึงคาดหวังว่ารัฐไทยจะมีพื้นที่ให้เด็กรุ่นใหม่ได้แสดงความคิดเห็นในเรื่องประชาธิปไตย หรือสิ่งที่พวกเขาต้องการมากกว่านี้
ในอนาคตหลังพวกเขาเหล่านี้เติบโตขึ้นไป ก็จะกลายเป็นแรงขับเคลื่อนประเทศที่สำคัญ ไทยจะไม่ได้จมปลักกับคนรุ่นเก่าอีกต่อไปแล้ว โดยเธอกล่าวทิ้งท้ายไว้ว่าอยากให้ศิลปิน หรือว่านางงามหลายๆ คน กล้าออกมาตีแผ่สังคม บอกกล่าวเรื่องราวที่อยากให้คนภายนอกได้รับรู้ว่ามีส่วนใดบ้างที่อยากให้สังคมพัฒนามากขึ้น