ที่ สน.บางเขน สิรภพ พุ่มพึ่งพุทธ ประธานกลุ่ม "มศว คนรุ่นเปลี่ยน" จัดกิจกรรม "พูดไปเรื่อย" ก่อนเข้ารับทราบข้อกล่าวหา หลังได้รับหมายเรียกในฐานความผิด ร่วมกันชุมนุมสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต จากกรณีชุมนุมที่ สน.บางเขน เพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัว อานนท์ นำภา เมื่อวันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมา รวมผู้ได้รับหมายเรียกจากกรณีนี้ 7 ราย ดังนี้
สำหรับกิจกรรม "พูดไปเรื่อย" เป็นการพูดถึงเรื่องต่างๆที่ผ่านมา ทั้งที่เกี่ยวข้องและไม่เกี่ยวกับการเมือง ซึ่งมีการไลฟ์สดผ่านเพจของ "มศว.คนรุ่นเปลี่ยน" เริ่มตั้งแต่ 12.00 น. จนถึงเวลาเข้ารายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในเวลา 13.00 น. โดยทีมข่าว วอยซ์ ทีวี พูดคุยกับผู้ถูกกล่าวหาต่างยืนยันว่าผู้มีอำนาจพยายามเล่นสงครามประสาท ด้วยการดำเนินคดีกับแกนนำเยาวชนนักศึกษาที่เห็นต่างจากผู้มีอำนาจ ให้มีภาระยุ่งยากลดทอนการชุมนุม
แต่ก็เชื่อเช่นกันว่าสิ่งที่ผู้มีอำนาจดำเนินการให้ผลในทางตรงข้าม เพราะทุกคนก็ยังจะร่วมชุมนุมต่อไปในอนาคต และจำนวนผู้ชุมนุมไม่ได้ลดลงหรือการชุมนุมไม่ได้แผ่วลงอย่างที่ผู้มีอำนาจต้องการ และการใช้กฎหมายโดยเลือกปฏิบัติหรือกลั่นแกล้งผู้เห็นต่างนั้น เจ้าหน้าที่รัฐอาจต้องโดน คดีละเว้นหรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
พริษฐ์ กล่าวก่อนเข้ารับทราบข้อกล่าวหาว่า ตาม พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะไม่จำเป็นต้องขออนุญาต เพียงแค่แจ้งให้ทราบเท่านั้น ดังนั้นตำรวจตั้งข้อหาผิดเพี้ยนไปจากตัวบท โดยตั้งข้อสังเกตด้วยว่า ที่ทางตำรวจดำเนินการเช่นนั้น เพราะนายสั่งมาตั้งข้อหาเท่านั้นเอง หรือทำตามนโยบายเจ้านายเท่านั้น
ซึ่งเป็นการกลั่นแกล้ง เอาผิดเฉพาะกับฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลเท่านั้น และเห็นว่าหมายเรียกรายงานตัวเป็นเอกสารแห่งความอัปยศ แสดงให้เห็นว่าระบบและกระบวนการยุติธรรมไทยไร้ซึ่งความยุติธรรม พร้อมกันนี้ได้เผาหมายเรียก เป็นเชิงสัญลักษณ์เพื่อไว้อาลัยให้กับกระบวนการยุติธรรม ก่อนทั้ง 7 คนจะเข้ารับทราบข้อกล่าวหาด้วย
ตำรวจเตรียมส่งสำนวนฟ้อง "7 แกนนำ" ให้อัยการ 22 ต.ค.
ภายหลังแกนนำและผู้ปราศรัยทั้ง 7 คน เข้ารับทราบข้อกล่าวหา ได้ถูกเจ้าหน้าที่แจ้ง 4 ข้อหา ทั้ง กีดขวางขวางการจราจร, ชุมนุมและใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ขออนุญาต กับไม่ให้ความร่วมมือเจ้าพนักงาน ซึ่งเป็นข้อหาเพิ่มเติมจากการที่ทั้ง 7 ผู้ถูกกล่าวหาไม่ยอมประทับลายนิ้วมือ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจนัดผู้ต้องหาทั้งหมดส่งสำนวนให้อัยการ วันที่ 22 ต.ค.นี้ ส่วนทั้ง 7 คน ไม่ยอมประทับลายนิ้วมือ เพราะเห็นว่าเป็นคดีลหุโทษสามารถเปรียบเทียบปรับได้
อย่างไรก็ตาม หลังทั้ง 7 คนเข้ารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว พริษฐ์ ชิวารักษ์ ได้ติดสติ๊กเกอร์หมุดคณะราษฎร 2563 ที่ประตูทางเข้าอาคาร สน.บางเขน ทำให้ต้องเสียค่าปรับตาม พ.ร.บ.ความสะอาด 1,000 บาท