นพ.ทศพร เสรีรักษ์ สมาชิกพรรคเพื่อไทย ยื่นหนังสือถึงตัวแทนสถานทูตออสเตรเลีย ประจำประเทศไทย เพื่อขอความช่วยเหลือวัคซีนโควิด-19 โดย นพ.ทศพร กล่าวว่าตนได้ทราบจากสื่อสารมวลชนว่า ทางการออสเตรเลียได้มีการเปลี่ยนแปลงคำแนะนำเรื่องการฉีดวัคซีนต้านโควิดแก่ประชาชน โดยจำกัดการให้วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้ากับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปี ขึ้นไปเท่านั้น เนื่องจากมีความเสี่ยงเรื่องภาวะลิ่มเลือดอุดตัน แต่ภาวะความเสี่ยงดังกล่าวที่เกิดขึ้นนั้นมีอัตราความเสี่ยงอยู่ที่ 2.7 รายต่อผู้ได้รับวัคซีน 100,000 ราย ซึ่งถือว่าเป็นความเสี่ยงในอัตราที่ต่ำมาก แต่กระนั้นก็ส่งผลให้ประชาชนปฏิเสธการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า แต่ประเทศไทยเราเองยังมีวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าในจำนวนน้อย ภาครัฐจัดหาเข้ามายังไม่เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน รวมถึงล่าสุดทราบว่าทางรัฐบาลออสเตรเลียใช้วิธีเจรจายืมและแลกเปลี่ยนวัคซีนกับหลายประเทศ อาทิ อังกฤษและสิงคโปร์
ตนเองจึงคิดว่าออสเตรเลียน่าจะมีวัคซีนเพียงพอในระดับหนึ่งรวมถึงน่าจะมีวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าอยู่จำนวนหนึ่งที่ไม่ได้ใช้ และถ้าเราขอความอนุเคราะห์นำเข้ามาเพื่อใช้ฉีดให้กับคนไทยที่ยังขาดแคลนวัคซีนก็น่าจะเป็นประโยชน์กับคนไทยมากกว่าปล่อยให้วัคซีนเหลือทิ้งไว้จนหมดอายุลงโดยไร้ประโยชน์ ตนเองจึงมายื่นหนังสือเพื่อขอความอนุเคราะห์วัคซีนให้คนไทย รวมถึงใช้โอกาสนี้ได้พูดคุยปรึกษาแสดงความกังวล เรื่องปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศไทยผ่านเหตุการณ์สลายการชุมนุมของพี่น้องประชาชนในช่วงที่ผ่านมาอีกด้วย
“วัคซีนโควิดเป็นความหวังของคนทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย ประเทศออสเตรเลียเป็นประเทศตัวอย่างที่มีความพยายามทั้งเจรจายืมวัคซีน แลกเปลี่ยนวัคซีนเพื่อให้ได้วัคซีนที่ดีและเพียงพอฉีดประชากรให้ได้ 70-80% เพื่อเป็นสัญญาณบวกก้าวแรกในการเปิดประเทศ ซึ่งอยากฝากรัฐบาลไทยให้ได้ดูเป็นตัวอย่างว่าการจัดหาวัคซีนไม่ใช่แค่รอซื้อแค่ยี่ห้อเดียวแล้วนั่งรอเขาส่ง แต่การส่งทูตไปเจรจาเพื่อขอยืมและแลกเปลี่ยนวัคซีนก็เป็นวิธีการหนึ่งที่จะช่วยเพิ่มปริมาณวัคซีนให้กับประเทศให้เพียงพอได้ด้วย” นพ.ทศพร กล่าว