ไม่พบผลการค้นหา
'อนุทิน​' หนุนใช้ KPI วัดผลผู้ว่าฯ 17 จังหวัดพื้นที่ภาคเหนือ​ แก้ฝุ่นพิษ ยอมรับมีผลต่อการพิจารณาโยกย้ายตำแหน่ง ย้ำ​สถานบันเทิงนอกโซนนิ่ง​ เปิดให้บริการ-ขายเหล้าเกินเวลา​ต้องถูกดำเนินคดี​ พิจารณาขยายโซนนิ่ง​ต้องคิดต่อ ไม่ให้เอื้อเพียงผู้มีใบอนุญาตส่วนน้อย

 วันที่ 20 ธ.ค. อนุทิน​ ชาญวีรกูล​ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย​ กล่าวถึงกรณีที่ประชุมคณะรัฐมนตรีให้นำผลการประเมินค่าฝุ่นละออง PM 2.5 มาเป็นการชี้วัดค่า KPI ของผู้ว่าราชการจังหวัด 17 จังหวัดพื้นที่ภาคเหนือ​ ว่า​ ปัญหา PM 2.5 ถือเป็นปัญหา​ใหญ่​ ดังนั้น ผู้ที่เข้ามาทำหน้าที่ในพื้นที่ที่มีปัญหา ก็ต้องปรับปรุงสภาพอากาศให้ดีขึ้น ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของภารกิจงาน​ โดยตนยังไม่ทราบในรายละเอียด และปลัดกระทรวงมหาดไทยอาจจะเป็นผู้กำหนดเกณฑ์ขึ้นมา ซึ่งหากปลัดกระทรวงมหาดไทยมาขอคำปรึกษา ก็ไม่มีทางเลือกอื่น ก็พร้อมที่จะสนับสนุน

ส่วนกรณีดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อการทำงานของผู้ว่าราชการแต่ละจังหวัดหรือไม่ อนุทิน กล่าวว่า ผู้บังคับบัญชาของผู้ว่าราชการจังหวัดทั้งประเทศคือปลัดกระทรวงมหาดไทย​ เมื่อท่านเป็นผู้บังคับบัญชา​โดยตรง ก็สามารถที่จะสร้าง หรือกำหนดตัวชี้วัดในการทำงานได้ ซึ่งก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องและควรกระทำ

โดยตัวชี้วัดนี้อาจมีผลในการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้าย​ แต่ก็ขึ้นอยู่กับปลัดกระทรวงมหาดไทย​ ตนเองมองว่าเป็นสิ่งที่ดี การทำงานต้องมีการวัดผลการปฏิบัติงาน

ต่อข้อสังเกตว่าเรื่องฝุ่น ​PM​2.5. มีเรื่องของภัยธรรมชาติเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยนั้น​ อนุทิน​ มองว่า ภัยธรรมชาติ​เป็นเพียงส่วนหนึ่ง​ แต่ส่วนใหญ่เกิดมาจากฝีมือมนุษย์​ ภัยที่มาจากธรรมชาติมีเพียงส่วนหนึ่ง เช่น ความกดอากาศที่ทำให้ฝุ่นไม่สามารถไปไหนได้​ แต่สิ่งที่เลวร้ายคือการเผาซากจากการทำการเกษตร​ การเผาป่า​ การจราจร​ ซึ่งไม่ถึงกับแก้ไขไม่ได้​ อย่างกรณีนี้ผู้ว่าราชการจังหวัด​ในฐานะพ่อเมืองในเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย​อย่างเต็มที่​ก็จะช่วยไ​ด้มาก​ ตรงนี้จึงเป็นหน้าที่ของผู้ว่าฯ


พิจารณาขยายโซนนิ่ง​ต้องคิดต่อ

อนุทิน​ กล่าวถึง​กรณีสถานบันเทิง นอกพื้นที่โซน​นิ่ง เปิดบริการถึงตี 4​ อย่างในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม​ ว่า​ หากสถานบริการที่อยู่นอกโซนนิ่ง แต่เปิดให้บริการ และจำหน่ายเครื่องดื่ม​แอลกอฮอล์​เกินกว่าเวลาที่กำหนด​ก็จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย​ โดยเจ้าหน้าที่บ้านเมืองต้องกวดขัน​ให้มากขึ้น ซึ่งจากการลงพื้นที่ที่ได้รับอนุญาต​ พบว่านักท่องเที่ยวให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี​ และกฎหมายมีช่องเพียงพอที่จะทำให้เกิดความปลอดภั​ยได้ ถ้าทุกคนปฏิบัติตาม ​และมีความรับผิดชอบต่อสังคมร่วมกัน ก็ไม่น่าจะมีปัญหา​

ทั้งนี้ ​จะต้องไปคิดต่อว่า ถ้าทุกคนให้ความร่วมมือและรักษาระเบียบได้ก็จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอันตราย แต่ก็ต้องหาวิธีช่วยเหลือผู้ประกอบการเช่นกัน​ ไม่เช่นนั้นนโยบายจะเอื้อเฉพาะผู้มีใบอนุญาตเท่านั้น ​ซึ่งมีจำนวนน้อย​ ตอนนี้หน้าที่ต้องคิดต่อเนื่องเพราะเป็นเรื่องของการกระตุ้นเศรษฐกิจ​ ทำให้คนสามารถทำมาหากินได้​ มีรายได้และโอกาสทำมาหากินเพิ่มขึ้น​ ก็จะเป็นผลดีโดยรวม​ พร้อมยอมรับว่าอาจจะต้องมีการพิจารณา​ต่อว่าอาจต้องมีการขยายเวลาจำหน่ายเครื่องดื่ม​แอลกอฮอล์​ต่อ​ แต่ตอนนี้ยังไม่ได้​ ขอรอดูสถานการณ์​ก่อน​

อนุทิน ยังกล่าวถึงแนวโน้มการขยายพื้นที่โซนนิ่งช่วงเทศกาลปีใหม่​ว่า​ ต้องพิจารณาเป็นกรณีไป และในวันนี้ตนเองจะเดินทางไปตรวจเยี่ยมที่จังหวัดเชียงใหม่ หากได้รับความร่วมมือจากทุกคน​ รวมไปถึงการรักษากฎหมายมีประสิทธิภาพ ตนเองก็จะหารือกับนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่เป็นผู้สั่งการให้ใช้นโยบายดังกล่าวนี้ เนื่องจากกระทรวงมหาดไทยก็มีอำนาจเพียงเท่านี้​ จึงจำเป็นต้องให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ​ หรือ​ ป.ป.ส.​เข้าร่วมจึงเป็นหน้าที่ของผู้บังคับบัญชา​ระดับสูง​ 

อนุทิน กล่าวด้วยว่า ส่วนการประเมิน ก็จะทำโดยเร็วที่สุด​ เหมาะสมเมื่อใดก็ทำ​ ก่อนย้อนถามว่า หากประเมินแล้วอยู่ในระยะปลอดภัย “ปีหนึ่งไหวไหม” หากเหมาะสมและพร้อมเมื่อใดก็จะประเมินเมื่อนั้น ซึ่งก็ต้องไปตรวจดูว่ากฎหมายให้ทำได้แค่ไหน​ แต่สิ่งที่ยากคือการแก้ไข พ.ร.บ. เนื่องจากต้องรอนำเข้าเพื่อพิจารณาในที่ประชุมรัฐสภา แต่หากเป็นเรื่องของประกาศกระทรวง​ หรือคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี หรือพระราชกำหนด เราก็พยายามดูอยู่ว่าหากเข้าช่องไหนแล้วเป็นประโยชน์​ ควบคุมได้ก็จะทำ