นายฮิโรกิ มิตสึมาตะ ประธานกรรมการองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร กรุงเทพฯ) เปิดเผยว่า มูลค่าการส่งออกโดยรวมของสินค้าเกษตร ป่าไม้ และประมงจากประเทศญี่ปุ่นมายังประเทศไทยประจำปี 2561 มีมูลค่า 43,500 ล้านเยน หรือ ประมาณ 12,500 ล้านบาท มากกว่าปีก่อนหน้าที่อยู่ที่ 39,100 ล้านเยน หรือประมาณ 11,300 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนการเติบโตที่ร้อยละ 11.4 

ปัจจุบันประเทศไทยเป็นประเทศคู่ค้าลำดับที่ 7 ที่ญี่ปุ่นมีการส่งออกมากที่สุด โดยอันดับที่ 1 ได้แก่ เขตปกครองพิเศษฮ่องกง ซึ่งมีมูลค่าการส่งออกสูงถึง 2.1 แสนล้านเยน หรือประมาณ 61,000 ล้านบาท ขณะที่จีนตามมาเป็นอันดับที่ 2 และสหรัฐฯ อันดับที่ 3

ทั้งนี้ ประเทศในอาเซียนที่ติดอันดับประเทศส่งออกมากที่สุดนอกจากไทย มีเวียดนามที่อยู่ในอันดับที่ 6 และสิงคโปร์ในอันดับที่ 8 

ไทยคือศูนย์กลางกระจายสินค้า

สำหรับสินค้าที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือ สินค้าประมง คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 54 และมีมูลค่า 23,600 ล้านเยน หรือประมาณ 6,700 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าถึงร้อยละ 40 ซึ่งสาเหตุหลักมาจากการที่ไทยเป็นศูนย์กลางการแปรรูปอาหาร โดยเฉพาะอาหารกระป๋องอย่างปลาทูน่า (คัทสึโอะ และมากุโร่) ปลาซาบะ และความต้องการสินค้าประมงจากอาหารญี่ปุ่นในประเทศที่เพิ่มมากขึ้น

ในงาน THAIFEX ปี 2560 ที่ผ่านมา เจโทร ได้เชิญให้ผู้จัดซื้อทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ เช่น ดูไบ อินเดีย มาเลเซีย และเวียดนาม เข้ามาร่วมพูดคุยกัน เพื่อขยายโอกาสการเป็นศูนย์กระจายสินค้าให้ครอบคลุมทั่วภูมิภาคเอเชีย

ขณะที่ในงาน THAIFEX ปีนี้ (2562) เจโทรได้นำ 15 บริษัทสินค้าอาหารทะเลมาร่วมออกบูธ รวมทั้งเพิ่มสินค้าสุราที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น

อย่างไรก็ตาม เจโทร เห็นถึงความสำคัญของกฏหมายไทยที่ปรับเปลี่ยนกฏเกณฑ์ใหม่เพื่อสุขภาวะของประชาชน และพร้อมที่จะให้ความรู้กับบริษัทญี่ปุ่นเพื่อให้ดำเนินการให้ถูกต้องตามกฏหมาย อาทิ กฏหมายเกี่ยวกับไขมันทรานส์ ในประเด็นการใช้น้ำมันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วน และกฏหมายเกี่ยวกับผักและผลไม้ในด้านความปลอดภัย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

• สธ.ประกาศห้ามนำเข้า-ผลิต-จำหน่ายอาหารที่มีไขมันทรานส์