บอล - ต่อพงศ์ จันทบุบผา A&R Director ค่ายเพลง What The Duck และศิลปินวงสครับบ์ นิยามความเป็น ‘Scrubb’ คือ เพื่อนสองคนที่โตมาด้วยกันจริงๆ นิสัยใจคอค่อนข้างชอบอะไรคนละอย่าง แต่ชอบเล่นดนตรี ชอบทำเพลงเหมือนกัน และกลายเป็นว่าด้วยความที่ชอบคนละอย่าง พอมารวมกัน แล้วต้องทำงานด้วยกันจึงเกิดเป็นเคมีบางอย่างที่เขาเรียกว่าสครับบ์ ซึ่งตัวเองก็ไม่รู้ว่ามันเป็นแบบไหน แต่โชคดีที่มีคนฟังเข้าใจและทำให้ยังเล่นดนตรีได้จนถึงทุกวันนี้
แต่ถ้าถามถึงนิยามเพลงของสครับบ์ บอลยกคำพูดของ ‘เมื่อย - ธวัชพนธ์ วงศ์บุญศิริ’ นักร้องนำว่า “เป็นเพลงที่อยากจะให้ฟังแล้วอารมณ์ดี” บอลเล่าต่อว่าเคยมีคนถามว่าทำไมทำแต่เพลงแนวมองโลกแง่บวก หรือบางคนก็ใช้คำว่าโลกสวยเกินไป แต่ว่าเรื่องราวในเพลงส่วนใหญ่เป็นเรื่องราวของเมื่อยเป็นหลัก ซึ่งเวลาเมื่อยมีความสุขก็จะเขียนเพลง เวลาเศร้า เครียด หรือเสียใจ เขาก็จะเขียนเพลง แต่จะไม่เขียนเพลงซ้ำเติมความรู้สึกตัวเอง เขาจะเขียนเพลงเพื่อช่วยให้ตัวเองรู้สึกสบายใจขึ้น เหมือนมีเพลงเป็นเครื่องปลอบใจ เป็นเพื่อน หรือว่าถ้าช่วงที่มีความสุข สบายใจ มีความประทับใจกับสถานที่ สิ่งแวดล้อม ผู้คน เขาก็จะเขียนเพลงไว้เพื่อเป็นไดอารี เป็นบันทึกของความรู้สึกและบรรยากาศ ณ ช่วงเวลานั้น เมื่อยจึงต้องการให้เพลงเขาเป็นไดอารีที่บอกว่าช่วงเวลาต่างๆ เจออะไรมาบ้าง
ส่วนตนเอง ตอนทำเพลงก็ไม่ได้คิดว่าจะทำเพลงให้ใคร เผื่อให้เชื่อมโยงกับเหตุการณ์อะไร หรือไปอยู่ในโอกาสอะไร แต่ตนโชคดีที่ส่วนที่พยายามจะเล่าและนำเสนอมันเกิดกับตัวเอง และเพื่อน หรือสิ่งแวดล้อมรอบตัว เพลงเป็นสมุดบันทึกของเรื่องธรรมดาๆ ของเด็กสองคนที่โตมาด้วยกัน โตมาด้วยกัน จบมาทำงาน มีเพื่อน มีสังคม ไปกิน ไปเที่ยว เจอความรัก เจอสิ่งแวดล้อม และเกิดความประทับใจก็เขียนเพลงขึ้นมา แต่ที่คนบอกว่าเพลงของสครับบ์เหมาะกับโอกาสนั้น โอกาสนี้ ตนมองว่าเป็นเพราะเพลงของวงมีความเรียบง่ายที่ทุกคนมีโอกาสเข้าถึงได้ เป็นเหมือนเรื่องเดิม แต่เปลี่ยนเข้าของเหตุการณ์นั้นใหม่ ในมุมมองของบอล เวลาจะเขียนเพลงได้สักเพลง จะเริ่มจาก Big Word หรือคำใหญ่ๆ ที่เป็นหัวใจหรือความหมายหลักของเรื่อง ยกตัวอย่าง เพลงแรกที่ตนเขียนคือ เพลง ‘พอ’ อยู่ในอัลบั้มแรก และเขียนไว้ตั้งแต่ก่อนจะเจอกับเมื่อย เขียนขึ้นมาจากประสบการณ์อกหักสมัยเรียนมหาวิทยาลัยตอนเลิกกับแฟน เหตุการณ์นั้นทำให้ตนมีคำถามบางอย่างกับตัวเอง และพยายามหาคำตอบ
จนวันหนึ่งเจอกับคำตอบนั้นและมีคำผุดขึ้นมาในหัวว่า “พอก็ได้วะ” แล้วคำถามต่อมาคือ “พอแล้วยังไงต่อ?” พอเพราะว่าไม่อยากเสียใจแล้ว พอเพราะไม่อยากอยู่ในสถานการณ์ในภาวะแบบนี้แล้ว หรือพอเพราะรู้สึกว่าเรากลับไปมีความสุขในแบบที่เรามีโดยอาจจะไม่มีเขาอยู่ในชีวิตจริงก็ได้ ให้เขาอยู่แค่จินตนาการในความฝันก็พอ มีแต่คำว่าพอก็เลยลงเอยที่เพลง ‘พอ’ ซึ่งตนก็เพิ่งรู้ว่าเพลงนี้ เป็นเพลงที่ ‘จิตติ’ ผู้ประพันธ์นิยายเรื่อง ‘เพราะเราคู่กัน’ เคยเอาไปใช้ในการเขียนฟิกชั่นเรื่องหนึ่งในเว็บไซต์ก่อนที่จะเริ่มเอาเพลงของวงสครับบ์มาประกอบการเขียนนิยาย ‘เพราะเราคู่กัน’ อีกเพลงคือเพลง ‘กลัว’ เขียนสมัยตอนโดดรับน้อง เอามาจากความรู้สึกดีกับรุ่นน้องคนหนึ่งที่สนิทกันมาก แต่สุดท้ายก็ไม่ได้คบกัน แล้วก็มานั่งเรียบเรียงด้วยความสงสัยว่าทำไมถึงตอนนั้นเราไม่พยายามให้ได้คบกัน แล้วก็พบว่าตัวเองมีความกลัวในเรื่องไม่เป็นเรื่องบางอย่าง ซึ่งหลังๆ ก็ทำให้ตนเรียรู้ว่าการที่มีความทรงจำหรือประทับใจแล้วจะเก็บมันไว้ในเสียงเพลงได้ยังไง
เมื่อถามต่อว่าทุกครั้งที่หยิบกีตาร์ขึ้นมาเล่นรู้สึกอย่างไร? บอลตอบว่า กีตาร์เป็นเครื่องดนตรีแรกๆ ที่หยิบขึ้นก็จะไม่ค่อยได้เล่นเพลง แต่จะดีดอะไรไปเรื่อยๆ ก่อน แล้วค่อยจินตนาการถึงเพลงที่อยากเล่นอยากแกะ แล้วก็จะเริ่มต่อยอดว่า คอร์ดนี้ดี ชุดคอร์ดนี้ดี หรือเกากีตาร์แบบนี้แล้ได้เสียงบางอย่างขึ้นมา ตนก็จะบันทึกสิ่งเหล่านี้ไว้ แล้วเอาออกมาพัฒนาต่อในเวลาที่เหมาะสม ไม่เคยตั้งใจว่าวันนี้จะแต่งเพลง เน้นความสบายใจไว้ก่อน เพราะทุกครั้งที่จับกีตาร์ก็จะรู้สึกสบายใจ เพราะอยากมีความสุขกับมันเต็มที่ ถ้าไม่สบายใจก็ไม่ค่อยหยิบเครื่องดนตรีขึ้นมาเล่น
สำหรับเพลงที่บอลชอบมากที่สุด บอลเล่าว่า ช่วงก่อนชอบเพลง ‘เข้ากันดี’ เพราะเป็นเหมือนความสำเร็จส่วนตัวที่ทำท่อนอินโทรเป็นริฟกีต้าร์ได้ เพราะปกติถนัดการตีคอร์ดมากกว่า และโปรดิวเซอร์เคยบอกเสมอว่ามือกีตาร์ต้องมีริฟเป็นของตัวเอง แล้วท่อนอินโทรนี้มันก็ทำให้คนจำเพลงนี้ได้ก่อนที่เนื้อร้องจะขึ้น เพราะปกติคนจะจำเพลงได้เมื่อเสียงนักร้องขึ้นมา แต่ช่วงหลังๆ จะชอบเพลงที่มีความสุขุมสงบ และมองเห็นความเป็นไปในปัจจุบัน เช่น เพลง Inchan Tree และเพลงนั้นยังอยู่ ทำให้รู้สึกว่าพวกเราทำงานมานานมาก แล้วปัจจุบันก็ยังอยู่ตรงนี้ มีเพื่อน มีคนรอบข้างที่ยังอยู่กับเรา เป็นคนที่เรารัก แล้วก็เฝ้ามองเห็น เฝ้ามองความเป็นไปโดยที่มีเพลงเป็นสัญลักษณ์และตัวแทนในช่วงเวลาต่างๆ
ส่วนตัวไม่ได้กะเกณฑ์ว่าเพลงที่ออกมาจะต้องเป็นเพลงที่คิดบวกหรือมีความสุข คิดแค่ว่ารู้สึกอย่างไรก็เขียนไปแบบนั้น แต่ความจริงเพลงสครับบ์ก็มีความเศร้า ความเหงา ความผิดหวังอยู่บ้าง แต่คนอาจไม่ค่อยรู้จัก เพราะคนจะนึกถึงเพลงสครับบ์ที่อารมณ์ดี สนุกสนาน ร่าเริง แต่ถ้าลองหาฟังดีๆ อาจจะมีความเศร้าซ่อนอยู่
ในการทำงานทุกครั้ง บอลเล่าวว่า ตนจะคิดเสมอก่อนจะเริ่มงานว่าอะไรที่เคยทำมาแล้ว อะไรที่อยากจะเก็บไว้ อะไรคือส่วนผสมใหม่ แต่จะสำเร็จมากน้อยแค่ไหนก็ไม่มีอะไรตอบได้ แต่ปกติแล้ว 3-5 ปีแรกจะยังมีความสดใหม่ สนุกกับการทำงานตลอด เพราะมีเรื่องเล่าและนำเสนออีกเยอะ แต่พอเริ่มชุดที่ 4-7 ความยากไม่ใช่เรื่องการทำเพลง เพราะยังทำเพลงได้ แต่จะทำอย่างไรให้คนรู้สึกว่าไม่ได้อยู่ในแบบเดิมที่เคยทำ หรือกลัวการทำซ้ำจนเปลี่ยนเป็นอะไรที่ไม่ใช่ตัวเรา ความยากคือการผสมสิ่งที่เป็นตัวเราและสิ่งที่เราเจอในช่วงเวลานั้นๆ ชุดแรกคนชอบ มีเพลงทุกอย่าง ชุดสองมีเพลงใกล้ มีเพลงคู่กัน เพลงคำตอบ เพลงเธอหมุนรอบฉันฉันหมุนรอบเธอ ชุดหลังๆ คนก็จะเริ่มจำได้ว่าเพลงสครับบ์เป็นแบบไหน แต่ไม่ได้ตื่นเต้นมาก แล้วก็มีเพลงธรรมดาที่วงยังไม่เคยทำเช่นเพลงรอยยิ้ม แล้วชุดที่ 7 ที่ตนพยายามไม่เล่นกีตาร์ แต่ใช้ซินธิไซเซอร์เข้ามาแทน ซึ่งเป็นแนวเพลงที่ค่อนข้างใหม่ แต่คนรู้จักเพลงในอัลบั้มนี้น้อยมาก เพราะทดลองอะไรไปเยอะมาก แต่ตนกับเมื่อยก็คิดเสมอว่าถ้ายังมีแรงทำก็ให้ทำต่อไป แล้วงานจะบอกเราเองว่าอะไรมากไปน้อยไป แต่ตอนนี้มีความสุขมากที่ยังทำงานได้ เพราะทำเพลงมานานแล้ว
ในซีรีส์ ‘เพราะเราคู่กัน’ มีโคว้ทที่ ‘ไทน์’ ตัวละครหลักของเรื่องพูดว่า “เพลงของ Scrubb เวลามีความสุข ตอนฟังจะมีความสุขมากยิ่งขึ้น เเต่ถ้ารู้สึกรัก ก็จะรู้สึกรักมากกว่าเดิม ถ้าฟังตอนเศร้า จะรู้สึกดีขึ้น เหมือนมีใครมานั่งปลอบข้างๆ” บอลบอกว่าไม่เคยนึกเรื่องนี้มาก่อน แต่เป็นคำที่ดีมาก เป็นประโยคที่มีคนทวีตมาจากซีรีส์ ตนเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้เมื่อยฟัง เมื่อยก็เงียบ แต่ตนรับรู้ได้ว่าเมื่อยดีใจ แต่ในฐานะคนทำงานก็ชอบเพลงของตัวเองอยู่แล้ว แต่ไม่เคยรู้ว่าคนฟังรู้สึกอย่างไร แต่ในฐานะคนทำเพลงคือดีใจ
“เพลงมันเป็นเพื่อนเรามาก่อน เรื่องที่เราเล่าไว้มันคือเรื่องของเรา แล้วพอมันอยู่ในรูปแบบของเพลงมันมีตัวตนขึ้นมา มันก็กลายเป็นเพื่อนเรา เราก็ดีใจที่เพลงของเรามันกลายเป็นเพื่อนของคนอื่นด้วย แล้วมันเป็นเพื่อนที่ว่าถ้าคุณมีความสุข เพื่อนคนนี้มันก็เป็นส่วนประกอบของความสุขนั้น แต่พอเศร้าแล้วก็กลายเป็นว่าเพื่อนคนนี้ก็ไปช่วยปลอบ เหมือนไปอยู่ด้วย ไปช่วยทำให้อะไรๆ มันดีขึ้นในวันที่มันแย่ๆ ได้ ถ้าในแง่คนทำงานก็มีแค่นี้เลย แบบ ดีใจที่เพื่อนเรามีเพื่อนเยอะขึ้น” บอล กล่าวด้วยรอยยิ้ม
สำหรับซีรีส์ ‘เพราะเราคู่กัน’ หรือ ‘#คั่นกู’ ที่ทำให้เพลงของสครับบ์กลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง ขอบคุณทีมงานและนักแสดงที่ทำซีรีส์นี้ออกมาให้ประสบความสำเร็จ ในช่วงเวลาที่คนมองข้ามเรื่องเพศและมองความสัมพันธ์เป็นหลัก แต่ส่วนตัวแปลกใจ เพราะว่าวงดนตรีอย่างสครับบ์์เป็นวัยที่ควรจะเก็บเกี่ยวสิ่งที่ตัวเองทำไว้ โดยธรรมชาติก็จะมีคลื่น 2 รุ่นที่ทำให้มีแฟนเพลงเพิ่มขึ้น แล้วจากนั้นก็จะห่างหายไปตามกาลเวลา แต่พอมีซีรีส์นี้ กลายเป็นการสร้างแฟนเพลงรุ่นที่ 3 (Third Wave) ที่พวกเขาคงเกิดไม่ทันยุคที่ปล่อยเพลงพวกนี้มาก แต่ก็ทำให้ตนรู้สึกดีเหมือนกลับมาทำงานใหม่อีกครั้ง
ตนมองว่ามันเป็นการส่งต่อแรงบันดาลใจจากผลงานหนึ่งแปรรูปไปสู่อีกผลงานหนึ่ง เหมือนตนและเมื่อยที่เติบโตมากับเพลงและวงดนตรีหนึ่งที่ชอบ แล้วต่อมาก็เอาแรงบันดาลใจเหล่านั้นมาสร้างเพลงของเราเอง ผ่านมาสิบกว่าปี มีน้องคนหนึ่งที่ชอบเพลงเราไปสร้างงานใหม่ที่ไม่ใช่เพลง แต่เป็นตัวหนังสือ เขาเริ่มต้นคล้ายกับตนที่ตอนแรกก็เขียนฟิกชั่นเพราะอยากเขียนวงในเว็บไซต์ ไม่ได้คิดว่าจะขายได้ นึกถึงตัวเองตอนแรกที่ทำเพลงเพราะอยากปล่อยเพลง และอยากรู้ว่าจะมีคนชอบไหม ไม่ได้คิดว่าจะต้องเป็นนักดนตรีมีชื่อเสียง เช่นเดียวกันพอฟิกชั่นดังก็มีคนมาขอไปทำหนังสือ พอหนังสือดังก็มีคนขอไปทำซีรีส์ แล้วสุดท้ายเขาก็กลับมาฟังเพลงของเรา มันเหมือนกับวงจรชีวิตของงานศิลปะที่อยู่ๆก็ครบวงจร ใช้ระยะเวลาในการเดินทางเดินทางและตนก็ไม่รู้ว่ามันจะเกิดสิ่งนี้ขึ้น มันเป็นธรรมชาติระหว่างคนทำงานกับคนทำผลงาน ไม่ใช่ว่าการตลาดจะทำได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสนใจในฐานะที่ทำธุรกิจด้านนี้ด้วย
“เราไม่รู้หรอกว่างานของเรามันจะพาเราไปได้ไกลถึงตรงไหน แต่สิ่งที่เราทำได้ถ้ายังรักและชอบในสิ่งนี้ จงทำงานเถอะ ทำงานสะสมไว้ ทำงานในสิ่งที่คุณชอบ คุณอยากจะเล่า ถ้ามันเป็นรายได้ มันเลี้ยงตัวเราเองได้ก็ดี แต่ถ้ามันไม่ได้ แล้วเราไปดูแลตัวเองด้วยวิธีอื่น เราให้งานมันพูดไปเรื่อยๆ วันนึงมันอาจจะมีคนเห็น แล้วมันอาจจะมีคนหยิบจับเราไปสร้างงานอื่นในรูปแบบอื่น แล้วมันอาจจะเกิดวงจรของงานศิลปะอะไรแบบนี้อีกในอนาคต อันนี้คือเรื่องที่เราสนใจว่าเพลงจะกลับมาดังหรือไม่ มันมหัศจรรย์ดี เคยได้ยินจากเรื่องอื่นๆ แต่ไม่คิดว่ามันจะมาเกิดกับตัวเอง” บอล กล่าว
เมื่อถามว่าเคยคิดไหมว่าเพลงของสครับบ์มีความ Bromance อยู่ บอล ตอบว่าไม่เคยนึกถึงว่าเพลงจะเล่าความสัมพันธ์ของเพื่อนชาย เพื่อนหญิง ชายหญิง ครอบครัว สิ่งของ หรือสัตว์เลี้ยง แต่ตนรู้สึกว่าเพลงอาจจะเป็นตัวแทนของความรู้สึกส่ิงใดสิ่งหนึ่งหรือเรื่องใดเรื่องหนึ่ง มันก็คงเป็นเรื่องของบุคคล วัย เพศ สิ่งแวดล้อม หรือสถานที่ แต่ในฐานะคนทำเพลงเองไม่เคยกะเกณฑ์ว่าใครจะเอาไปใช้อยู่ในประสบการณ์ของแต่ละเพลงอย่างไร ใครเอาไปใช้ก็โอเคหมด และดีใจที่ทุกคนชอบเพลงของสครับบ์
เมื่อถามความคิดเห็นว่ารู้สึกยังไงที่เพลงของสครับบ์ถูกนำมาใช้ในช่วงเวลาของความรัก หรือทำให้คนพบรักกันในชีวิตจจริง บอล ตอบว่า ตัวเองเคยเจอคนมาเล่าให้ฟังว่า “ใช้เพลงเข้ากันดีจีบกัน ส่งเพลงคู่กันให้ฟัง ตอนลูกตัวเล็กๆ ให้ฟังเธอหมุนฯ แล้วลูกชอบหมุนตัวตาม” ตนรู้สึกได้ว่ามันมีเพลงบางเพลงเป็น Soundtrack of Life ของคนอื่นอยู่ ถ้าช่วงจีบกันก็จะมีเพลงทุกอย่าง เพลงใกล้ มาประสาวัยรุ่น พอมีความสัมพันธ์ใกล้ชิด อาจจะเป็นเพลงคู่กัน เข้ากันดี เธอหมุนรอบฉันฉันหมุนรอบเธอ หรือถ้าบางคู่ต้องไปเรียนต่อก็อาจจะชอบเพลงเก็บไว้กับเธอ มันจะน่าดีใจเป็นพิเศษถ้าเขามาบอกตัวเองว่าใช้เพลงคู่กันในงานแต่งงานแล้วอุ้มลูกมาถ่ายรูปคู่ด้วย บางคนเล่าว่าไม่เคยเข้าใจเพลงของสครับบ์เลย จนกระทั่งทำงานแล้วฟังเพลงลมก็จะร้องไห้ทุกครั้ง เพลงบางเพลงต้องรอให้โตและผ่านประสบการณ์บางอย่างถึงจะเข้าใจเพลงมากขึ้น มันไปได้ไกลกว่าที่ตนคาดหวังไว้เพราะมันเป็นแค่บันทึกความทรงจำของเราในตอนแรกที่เขียน แต่มันเป็นเรื่องของครอบครัว เป็นเรื่องของชีวิตจริงแล้วมีเพลงของวงไปอยู่ในชีวิตของเขา มันเป็นเรื่องที่เราจะขอบคุณและดีใจมาโดยตลอด
“ถ้ามันสามารถส่งแรงบันดาลใจ หรือมันช่วย Heal ช่วยดูแลความรู้สึกใครให้ดีขึ้น หรือช่วยทำให้ใครมีความสุข มีความรัก มีครอบครัวที่ดีขึ้น ผมว่าเพลงมันก็คงทำหน้าที่ได้สมบูรณ์แบบ มันก็คงดีใจมากถ้าเพลงมันเป็นคนเหมือนกัน” บอล กล่าว
ในมุมกลับกันถ้าคนที่กำลังเศร้า กำลังทุกข์ หรือกำลังเหงา บอลอยากแนะนำให้ฟังเพลงเก็บมันเอาไว้ ในอัลบั้มชุดแรก เพลงนี้มันบอกว่าไม่ว่าอะไรผ่านเข้ามาแล้วมาก็จะผ่านออกไป อย่าร้องหากเธออยากรัก เก็บมันเอาไว้เรื่องราวดีๆ ที่เราเคยพบหรือผ่านเข้ามา และอยากให้กำลังใจทุกคนโดยเฉพาะในช่วงนี้ที่ทุกคนต้องเจอ หลายคนกำลังต่อสู้ หรือเริ่มปรับตัวได้ อยากจะบอกทุกคนว่าทุกเรื่องที่เวลาผ่านเข้ามาทั้งทุกข์และสุขก็จะผ่านออกไป เช่นเดียวกับเวลานี้มันอาจจะเป็นความทุกข์ แต่ถ้าเราอยู่กับมันอย่างเข้าใจ อดทนกับมันได้ แล้วทุกอย่างก็จะผ่านไป และผ่านช่วงนี้ไปได้พวกเราจะไปเล่นดนตรีให้ฟัง