เมื่อวันที่ 10 ต.ค. 2563 พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กรุงเทพมหานคร วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และคณะ นำทีมพรรคก้าวไกลเปิดตัว ‘โครงการก้าวไกลสัญจร’ เพื่อเดินหน้ารณรงค์ปักธงประชาธิปไตยทั่วประเทศ ณ ตลาดมหาลาภ คลองสี่ อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี
พิธา กล่าวว่า จ.ปทุมธานี เป็นสถานที่เเรกของโครงการก้าวไกลสัญจร ซึ่งจะเป็นการเดินทางของพรรคก้าวไกลเพื่อนำเอาเรื่องในสภาไปคุยกับท้องถิ่น ขณะเดียวกันก็จะเอาปัญหาพี่น้องในแต่ละพื้นที่ไปผลักดันในสภาเช่นเดียวกัน โดยพรรคก้าวไกลจะเดินสายทั่วประเทศตลอดเดือนตุลาคมไปจนกว่าจะเปิดสมัยประชุมสภา และจะพยายามไปให้ทั่วทุกพื้นที่มากที่สุดในช่วงปิดสมัยประชุมสภานี้
“ช่วงโควิดพวกเราพยายามลงไปสำรวจความทุกข์ร้อนของประชาชนในหลายพื้นที่ แต่ก็มีข้อจำกัดเรื่องสถานการณ์ที่ทำให้ไม่สามารถเดินทางข้ามจังหวัดได้ แต่หนึ่งในพื้นที่ที่เราไปได้คือ ปทุมธานี ซึ่งประทับใจชาวปทุมธานีมาตั้งแต่ตอนนั้น และอีกสาเหตุหนึ่งที่เราต้องกลับมาคือ พวกเราต้องมาสานต่ออุดมการณ์ประชาธิปไตย เพราะสมัยอดีตพรรคอนาคตใหม่ เราได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องปทุมธานี มอบคะแนนให้มากถึง 140,000 คะเเนน ทำให้เราได้ ส.ส. มา 1 คน ถึงแม้จะย้ายพรรคไปแล้วไม่ได้อยู่อย่างที่สัญญาไว้ แต่ทีมจังหวัดของพวกเรายังหนักเเน่นและยังทำงานกันอย่างเต็มที่เพื่อสร้างการเมืองเเห่งความเป็นได้ให้เกิดขึ้นที่ปทุมธานี”
พิธา ระบุว่า ก่อนมาปทุมธานี พรรคก้าวไกลรวมทั้งตนได้ศึกษาข้อมูลพื้นที่โดยละเอียด พบว่าการรัฐประหารทำให้แผนงานต่างๆในปทุมธานีสะดุดลง เช่น การโยกย้ายผู้ว่าราชการจังหวัดทำให้โครงการต่างๆไม่มีการสานต่อ สำหรับปทุมธานี แผนงานที่พบช่วงปี 2561-2565 คือ การสร้างถนนและท่าเรือประมาณ 45,000 ล้านบาท จะทำให้ปทุมธานีมีระบบคมนาคมขนส่งที่สะดวก สอดรับกับท่ารถโดยสาร แต่แผนเหล่านี้ก็สะดุดลงไปหลังการรัฐประหารเพราะไม่มีการเดินหน้าต่อ
“เราต้องทำให้ขนส่งสาธารณะเป็นไปได้ เพื่อให้ผู้คนสัญจรไปสะดวก นี่คือการเมืองที่เป็นไปได้ พรรคก้าวไกลพร้อมขับเคลื่อนความฝันของชาวปทุมธานี ซึ่งควรจะฟื้นฟูเศรษฐกิจด้วยการเทคโนโลยีเเละวิทยาศาสตร์ เวลานี้เฉพาะปัญหารถติดทำให้เราเสียโอกาสทั้งในการใช้ชีวิตกับครอบครัวและโอกาสทางเศรษฐกิจไปอย่างมาก ทั้งที่ปทุมธานีก็คือเมืองหน้าด่านของกรุงเทพมหานคร แต่กลับมีจีดีพีเพียง 7% ของกรุงเทพมหานครเท่านั้น”
นอกจากนี้ พิธา ยังได้บอกกล่าวถึงงานในสภาให้ชาวปทุมธานีฟังด้วยว่า ในสมัยที่ผ่านมา พรรคก้าวไกลได้นำปัญหาของประชาชนไปขับเคลื่อนในสภาผ่านทั้งการหารือ การตั้งกระทู้ถาม การอภิปราย ข้อเสนอการจัดทำงบประมาณที่มองไปข้างหน้า มีการตรวจสอบหรือตั้งข้อสังเกตอย่างเข้มข้น รวมถึงการทำงานในกรรมาธิการต่างๆ นอกจากนี้ ยังได้ผลักดันร่างกฎหมายก้าวหน้าตามที่ให้สัญญาไว้กับประชาชนเข้าสู่รัฐสภาแล้วทั้งสิ้น 14 ฉบับ เช่น การเสนอแก้ไข ปพพ.1448 โดยเป็นการแก้ไขสาระสำคัญเพื่อให้มีการสมรสที่เท่าเทียม, ร่าง พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า เพื่อทลายทุนผูกขาดและสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ หรือ ร่างพ.ร.บ.ยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหาร เพื่อเป็นก้าวแรกของการปฏิรูปกองทัพและการมีทหารอาชีพ เป็นต้น
“พวกเรายืนยันว่า พรรคก้าวไกลจะเป็นพรรคของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน และเป็นของสมาชิก โดยสมาชิก เพื่อสมาชิก พวกเรายังคงต้องการสมาชิกเพื่อมาเดินทางร่วมกันจากทั่วประเทศ เพื่อเป็นพรรคการเมืองที่สามารถเปลี่ยนแปลงประเทศไทยได้จากมวลชน เป็นสถาบันการเมืองระยะยาวที่เปลี่ยนผ่านประเทศไทยไปสู่อนาคตใหม่ได้อย่างสันติ พรรคก้าวไกล คือ ผู้คนเเละการเดินทาง ถ้าจะให้ผมเดินทางให้ไกล หันไปเมื่อไหร่ต้องมีประชาชนอยู่ พวกเราจะสู้ไปพร้อมกันกับนักศึกษาและประชาชนที่เรียกร้องอยู่ในเวลานี้จากในรัฐสภาเพื่อให้ประชาชนเชื่อมั่นได้ว่า รัฐสภายังสามารถเป็นที่พึ่งให้กับประชาชนได้” พิธา กล่าว
ด้าน ชัยธวัช เลขาธิการพรรค กล่าวว่า หากย้อนกลับไปสมัยตั้งพรรคอนาคตใหม่ ปทุมธานีคือจังหวัดแรกๆที่มีการจัดตั้งทีมจังหวัดเเละระดมทุน วันนี้พวกเรากลับมาในฐานะพรรคก้าวไกลที่พร้อมจะสานต่อความฝันเเละอุดมการณ์ทางการเมือง อย่างไรก็ตาม ต้องขอโทษประชาชนว่า เราไม่สามารถรักษา ส.ส.เขตหนึ่งเดียวของอดีตพรรคอนาคตใหม่ได้ เเละนี่คือบทเรียนสำคัญที่จะต้องสานและสืบทอดอุดมการณ์ของอดีตพรรคอนาคตใหม่
“พรรคก้าวไกลจะต้องเป็นพรรคการเมืองหลักให้ประเทศไทยนำไปสู่การแก้รัฐธรรมนูญให้ได้ ซึ่งสิ่งที่สำคัญกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ก็คือ ระบอบประยุทธ์ ที่สืบทอดอำนาจคณะรัฐประหาร ถูกออกแบบมาภายใต้รัฐธรรมนูญ 2560”
ชัยธวัช ยังกล่าวถึง แนวทางในอนาคตว่า สิ่งที่จะทำต่อไปคือ การดำเนินนโยบายที่ชัดเจน โดยในเดือน พ.ย. จะเริ่มการขับเคลื่อนนโยบายทางการเมือง เศรษฐกิจ การศึกษา อย่างไรก็ตาม พรรคก้าวไกลจะเดินหน้าต่อได้ยากหากไม่มีสมาชิกพรรค ดังนั้น อีกสิ่งหนึ่งที่จะต้องทำไปพร้อมกัน คือ การรณรงค์เพื่อชวนประชาชนมาร่วมสมัครเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกล ซึ่งเรื่องนี้สำคัญมากต่อการเลือกตั้งในอนาคต เนื่องจากกฎหมายระบุไว้ว่า การจะส่งตัวเเทนลงสมัครรับเลือกตั้งจำเป็นต้องมีตัวแทนพรรคประจำจังหวัดไม่ต่ำกว่า 100 คน อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญกว่าคือ พรรคก้าวไกลต้องการสมาชิกที่มีอุดมการณ์เดียวกันมาร่วมกันทำงานและสร้างกระบวนการทำงานที่มีส่วนร่วมจริง สิ่งที่อยากเห็นคือ พรรคก้าวไกลเป็นพรรคการเมืองที่มีชีวิต เติบโตมาจากการช่วยกันคัดสรรตัวแทนขึ้นมาเพื่อสานต่อภารกิจในอนาคต