คณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน โดยมีนายปิยบุตร แสงกนกกุล เป็นประธาน กมธ. เชิญ ศ.ดร.สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ พร้อมด้วยรองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา และหัวหน้าหน่วยประสานงานมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ พร้อมด้วย พล.ต.ต.สมเกียรติ วัฒนพรมงคล ตัวแทนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เข้าชี้แจงกรณีกรณีการใช้อำนาจเข้าแทรกแซงการจัดกิจกรรมวิ่งไล่ลุงที่มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ จังหวัดนครศรีธรรมราช และจังหวัดพะเยา ขณะที่สำนักงานตำรวจภูธรจังหวัดพะเยาแจ้งว่าติดภารกิจออกตรวจพื้นที่ไม่ได้ส่งตัวแทนมาชี้แจง

นายธนวัฒน์ วงค์ไชย และ น.ส.ทิพอัปษร แก้วมณี ทีมผู้จัดงาน ร้องเรียนว่าหลายพื้นที่ในการจัดงานมีการข่มขู่กดดันและคุกคาม แม้กระทั่งพื้นที่ในมหาวิทยาลัย และเจ้าหน้าที่ตำรวจเองก็มีการใช้ พ.ร.บ.การชุมนุมในพื้นที่สาธารณะเข้าควบคุมการจัดกิจกรรม โดยอ้างว่าเป็นการชุมนุมทั้งที่เป็นกิจกรรมวิ่ง ขณะที่การจัดกิจกรรมวิ่งไล่ลุงขออนุญาตใช้พื้นที่สวนลุมพินีแต่ไม่ได้รับอนุญาต แต่อีกกิจกรรมหนึ่งใช้ได้

นอกจากนี้ยังมีการใช้กำลังเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปข่มขู่กดดันคุกคาม มีเจ้าหน้าที่เข้าไปถ่ายรูปคุณย่าของตนที่บ้านในจังหวัดเชียงใหม่ ตนจึงตั้งคำถามว่า การใช้อำนาจรัฐปิดปากและกดทับสิทธิเสรีภาพของประชาชนสมควรแล้วหรือไม่ สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชนมีหรือไม่ ขณะเดียวกันรองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไม่ให้จัดทั้งงานวิ่งและงานเดิน ทั้งที่ไม่มีกฎหมายรองรับ 

ด้านตัวแทนนักศึกษามหาวิทยาลัยพะเยา กล่าวว่า นักศึกษาได้ไปขออนุญาตใช้พื้นที่จากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ไม่ได้รับอนุญาตและเจ้าหน้าที่ก็ไปหานักศึกษาที่มหาวิทยาลัยและที่บ้าน พร้อมทั้งเรียกเข้าไปให้ปากคำ พร้อมทั้งมีการเขียนบันทึกถ้อยคำที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเขียนแทนนักศึกษาและให้ผู้ปกครองเซ็น และจากการติดตามข้อมูลจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนพบว่า มีการคุกคามในลักษณะนี้อีกหลายจังหวัดทั่วประเทศ และการดำเนินคดีชุมนุมโดยไม่ได้รับอนุญาต การใช้เครื่องขยายเสียง และกีดขวางการจราจร รวม 10 คดี

ตัวแทนนักศึกษามหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ กล่าวว่า ก่อนจัดกิจกรรมวิ่งไล่ลุงในมหาวิทยาลัย ได้มีประกาศห้ามจัดกิจกรรมแต่ไม่ได้ลงชื่อรับรอง และเมื่อจัดกิจกรรมแล้วก็มีการเชิญตัวนักศึกษาไปพบพร้อมคณาจารย์ มีตำรวจมารับฟังด้วย

เห็นด้วยวิ่งไล่ลุงเป็นเสรีภาพ

ขณะที่ ศ.ดร.สมบัติ กล่าวว่า คณาจารย์กังวลว่าจะเกิดการต่อต้านจากกลุ่มตรงข้ามจนเกิดความไม่สงบในมหาวิทยาลัยขึ้น แต่ยืนยันว่า "การห้ามวิ่งไล่ลุงเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพของนักศึกษา" จึงสั่งยกเลิกคำสั่งห้ามจัดกิจกรรมในมหาวิทยาลัย พร้อมจัดรถพยาบาลมาดูแลนักศึกษาที่เข้าร่วมกิจกรรมด้วย ยืนยันมหาวิทยาลัยไม่มีการละเมิดสิทธิและอำนวยความสะดวก

รองอธิการบดี ชี้แจงต่อว่า การเผยแพร่ข้อมูลส่วนตัวของนักศึกษาในกลุ่มไลน์ป้องกันและปราบปรามยาเสพติดในมหาวิทยาลัย (ศอ.ปส.) ทางมหาวิทยาลัยได้มีการสั่งห้ามและเรียกคืนสิทธิให้นักศึกษา ขณะที่ตัวแทนนักศึกษาเอง ขอให้มีการตั้งกรรมการสอบและป้องกันการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของนักศึกษา ซึ่งอธิการบดีก็รับไว้

ด้านตัวแทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ชี้แจงว่าในส่วนการขอจัดกิจกรรมที่สวนลุมพินีเป็นพื้นที่รับผิดชอบของ บช.น. จะเชิญให้ บช.น. มาชี้แจง ในส่วนของ ม.วลัยลักษณ์ขอให้นักศึกษาเข้าแจ้งความก่อนจะได้มีการตรวจสอบข้อมูลที่ง่ายขึ้น ขณะที่กรณี มหาวิทยาลัยพะเยา ต้องรอตัวแทนจาก สภ.พะเยา มาชี้แจง และภาพรวมทั้งหมดตนก็จะรับเรื่องไว้แจ้งผู้บังคับบัญชา เพราะตนไม่ได้ดูแลเรื่องนี้ แต่ได้รับมอบหมายให้มาชี้แจงแทนในเวลา 21.00 น. เมื่อคืน (21 ม.ค.)

นายปิยบุตร กล่าวว่า นี่เป็นปัญหาที่เจ้าหน้าที่ไม่สะดวกหรือไม่ให้ความร่วมมือ แต่กลับส่งคนที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการรับผิดชอบ ทำให้ กมธ. ทำงานไม่ได้ คราวหน้าจะต้องเชิญ ผบช.น. และผู้บัญชาการตำรวจภูธรจังหวัดพะเยา

น.ส.พรรณิการ์ วานิช รองประธาน กมธ. ตั้งคำถามว่า ผู้จัดงานเดินเชียร์ลุงที่สามารถจัดงานในสวนลุมพินีได้ ขณะที่กิจกรรมวิ่งไล่ลุง ทำไม่ได้เนื่องจากเหตุผลอะไร และถามไปยังอธิการบดีมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ว่าเพิ่งทราบว่ามีหนังสือห้ามจัดกิจกรรมพร้อมกับสื่อหรือไม่ และหลังจากนั้นมีหนังสือยกเลิกการห้ามจัดกิจกรรมนั้นหรือไม่ ส่วนกรณีที่มีตำรวจร่วมสอบสวน นายวัฒนา รักขันโทนักศึกษามหาวิทยาลัยตนทราบหรือไม่

อธิการบดี กล่าวว่า แถลงการณ์ห้ามจัดกิจกรรมดังกล่าวไม่ได้มาจากส่วนของมหาวิทยาลัยอย่างถูกต้อง ตนไม่ได้ออกหนังสือมายกเลิกคำสั่งในหนังสือดังกล่าว เพราะมหาวิทยาลัยเล็ก และหนังสือห้ามจัดกิจกรรมก็ไม่ได้มีผลต่อการเข้าร่วมกิจกรรมของนักศึกษา และตามปกติแล้วทุกคำสั่งก็ไม่ได้มีคนทำตามเสมอ ไม่เช่นนั้นก็คงไม่มีตำรวจ แต่ตนกำชับกับผู้บริหารทุกคนแล้วว่าต้องเคารพสิทธิเสรีภาพ ส่วนข้อบกพร่องที่เกิดขึ้นตนก็จะดูแลอย่างใกล้ชิดมากขึ้น

ด้าน พล.ต.ต.สมเกียรติ ชี้แจงว่างานวิ่งไล่ลุงและเดินเชียร์ลุง มีการขออนุญาตมาทั้งคู่ แต่เหตุใดถึงอีกงานจัดไม่ได้ต้องสอบถาม บช.น. ส่วนกรณีสอบสวนนักศึกษามหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ตนจะรับเรื่องไว้ไปตรวจสอบ

อย่างไรก็ตามกรรมาธิการมีความเห็นว่าในการประชุมครั้งหน้าควรเชิญผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องมาชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการ โดยเฉพาะ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ