เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 20 ก.ค. 2566 ที่พรรคเพื่อไทย เศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพรรคเพื่อไทยจะเสนอชื่อตนเองเป็นนายกฯหรือไม่ ว่า วันนี้เข้าพรรคเพื่อไทยเพื่อเข้ามาหารือกับกรรมการบริหารพรรคถึงความชัดเจนว่าจะส่งชื่อแคนดิเดตนายกฯ คนไหนไปเสนอต่อที่ประชุมรัฐสภา ส่วนจะเป็นชื่อตนเอง หรือไม่ ยังไม่ทราบ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของกรรมการบริหารพรรค และตนเองพร้อมทำตามมติ 

เมื่อถามว่า ถามว่า เสียง ส.ว.ไม่เอาพรรคก้าวไกล ถ้าพรรคเพื่อไทยจะนำตั้งรัฐบาลจะต้องมีพรรคก้าวไกลหรือไม่ เศรษฐาระบุว่าต้องให้ทางตัวแทนเจรจากันก่อน แต่ทิศทางอาจต้องเป็นอย่างนั้น ต้องพูดคุยกันก่อน เพราะยังมีข้อตกลงของ 8 พรรคการเมืองที่ร่วมตั้งรัฐบาลและต้องให้เกียรติ 8 พรรคที่ร่วมทำงานกันมา จึงขอให้มีเวลาก่อน

ส่วนรายชื่อที่ถูกเสนอมาให้เป็นนายกฯ ทางพรรคเพื่อไทยมี 3 รายชื่อ วันนี้ต้องให้คณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยมีมติก่อนว่าจะให้ใครเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ตนเชื่อว่าคณะเจรจาจะเจรจาเร็ววันนี้ไม่เย็นวันนี้ (20 ก.ค.) ก็วันพรุ่งนี้ (21 ก.ค.) คงมีแนวทางในการร่วมทำงานกันต่อไป โดยแกนนำรัฐบาลจะเปลี่ยนแปลงหรือไม่จะเป็นพรรคเพื่อไทยหรือไม่

ถามว่า การผลักดันชื่อ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกฯ ถึงที่สุดแล้วหรือไม่ เศรษฐากล่าวว่า ตามที่ฟังดูทางด้านกฎหมายก็จะเป็นอย่างนั้น 

เมื่อถามว่าการมีชื่อของเศรษฐาเป็นผู้ถูกเสนอชื่อในที่ประชุมรัฐสภาวันที่ 27 ก.ค.นี้และมีพรรคก้าวไกลอยู่ร่วมรัฐบาลจะส่งผลดีหรือไม่ เศรษฐา กล่าวว่า ตนคิดว่าเรื่องการลงมติได้ครั้งเดียว ถือว่าเป็นบรรทัดฐานอันหนึ่ง ซึ่งตนว่าการเสนอชื่อนายกฯ ครั้งต่อไปก็ต้องคิดให้ดี และต้องเจรจาให้เหมาะและควรให้เกียรติคณะเจรจาก่อนว่าเป็นอย่างไรบ้าง

ถามว่า มาตรา 112 อุปสรรคสำคัญ หากพรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลมีสิทธิเสนอชื่อนายกฯ จะทำอย่างไรไม่ให้มาตรา 112 มีปัญหานั้น เศรษฐา กล่าวว่า มาตรา 112 ต้องไม่อยู่ในการแก้ไขหรือยกเลิกในการเสนอชื่อนายกฯ ครั้งต่อไป ไม่เช่นนั้นจะไม่ได้รับการสนับสนุนจาก ส.ว.และหลายพรรคการเมือง 

ส่วนจะทำอย่่างไรไม่ให้คนเข้าใจว่าพรรคเพื่อไทยไม่ได้หักพรรคก้าวไกล เศรษฐาระบุว่า ตนพูดแทนพรรคก้าวไกลไม่ได้ แต่ถ้าพรรคเพื่อไทยต้องพูดคุยกันถ้าเป็นแกนนำต้องพิจารณากัน  

"ถ้าถามความเห็นส่วนตัวผม ถ้ามีมาตรา 112 คงไม่ได้รับการสนับสนุนจากหลายพรรค" เศรษฐากล่าว

ส่วนพรรคเพื่อไทยจะดึงเสียงจากพรรคการเมืองอื่นมาเติมหรือไม่ นายเศรษฐาระบุว่า เรื่องนี้ค่อนข้างจะล้ำหน้า ต้องให้เกียรติ 8 พรรคการเมืองก่อนที่มีเสียงเยอะอยู่แล้ว ซึ่งก็ต้องขึ้นอยู่กับมติของกรรมการบริหารพรรค ทั้งนี้คณิตศาสตร์เบื้องต้น เสียง 250 ส.ว.ก็สำคัญถ้าจะให้ได้รับการโหวตเป็นนายกรัฐมนตรี เสียง ส.ว.จึงมีความสำคัญ อีกทั้งตนไม่ได้รู้จัก ส.ว.มาก แต่เป็นเรื่องของหลักการ ถ้าตกลงได้ก็จะได้รับการสนับสนุนจาก ส.ว. แต่วันนี้ยังมีเอ็มโอยูอยู่ดังนั้นต้องให้เกียรติกับทีมเจรจาก่อน ถ้าเกิดเจรจราเห็นเป็นอื่นก็ต้องกลับมาพูดคุยในพรรคเพื่อไทยแล้วพิจารณาขั้นตอนต่อไปจะไปอย่างไร

ถามว่า เกมที่เกิดขึ้นมีการคิดว่าพรรคเพื่อไทยจะต้องข้ามขั้ว นายเศรษฐา กล่าวว่า "คิดไหมว่าเกมต้องบีบให้ข้ามขั้ว ถ้าต้องตอบคำถามนี้ยังไงก็ต้องคิดอยู่แล้วเป็นธรรมดาไม่ใช่โจทย์ซับซ้อน แต่ต่างคนก็คิดไป แต่ต้องให้คนมีอำนาจตัดสินใจ กรรมการบริหารพรรคและคณะเจรจา อย่างวันนี้เป็นแคนดิเดตนายกฯ ต้องเตรียมพร้อมในแง่เศรษฐกิจที่พรรคมอบหมาย ไม่ว่าจะเป็นพรรคร่วมหรือแกนนำรัฐบาล ผมคิดว่าใจเย็นๆตอนนี้ยังมี 8 พรรค การจะเปลี่ยนแปลงการจะข้ามขั้วต้องให้เกียรติผู้ที่ได้รับมอบหมายให้เจรจา"

เมื่อถามถึงพรรคเพื่อไทยยังยืนยันจะจับมือกับพรรคก้าวไกลไปจนสุดทางใช่หรือไม่ นายเศรษฐา ระบุว่า "สุดทางคืออะไรการที่พรรคก้าวไกลไม่สามารถเสนอนายกฯได้สุดทางหรือยัง ต้องฝากคณะเจรจาโดยพรรคอันดับ2ต่อไปจะได้รับการมอบหมายหรือไม่ ผมอยากให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลัง เศรษฐา ให้สัมภาษณ์เสร็จสิ้นได้ขึ้นไปประชุมร่วมกับคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย จากนั้นเวลาประมาณ 14.00 น ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกลได้เดินทางมาที่พรรคเพื่อไทย โดยขึ้นไปยังชั้น 7 ของพรรค โดยคาดว่า ชัยธวัช มาร่วมถกวงกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย