วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รองหัวหน้าพรรค ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา นิติพล ผิวเหมาะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เเถลงข่าวต่อสื่อมวลชน กรณีสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบันเเละการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐบาลเเละเจ้าหน้าที่ของรัฐต่อผู้ชุมนุม
วิโรจน์ ระบุว่า ต้องยอมรับข้อเท็จจริงว่าประชาชนมีสิทธิที่จะชุมนุมเรียกร้องต่อรัฐบาล ตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญ ไม่มีการชุมนุมครั้งใดที่ผู้ชุมนุมจงใจที่จะก่อความรุนแรงแต่แรก เว้นแต่ว่ารัฐได้สร้างเงื่อนไขยั่วยุให้เกิดความรุนแรง ประเด็นแรก การสร้างเงื่อนไขการชุมนุมอย่างไม่เป็นธรรม สองมาตรฐานเช่นการชุมนุมหน้าอาคารรัฐสภาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้ชุมนุมกลุ่มหนึ่งเข้าพื้นที่ได้
วิโรจน์ กล่าวว่า ประเด็นที่ 2 คือ การทำนิติสงครามกับผู้ชุมนุม บังคับใช้กฎหมายอย่างเลือกปฏิบัติ มีการจับกุมตัวแทนของผู้ชุมนุม และยัดข้อหาร้ายแรงต่างๆ แถมกลั่นแกล้งด้วยการจับกุมซ้ำแล้วซ้ำเล่า ประเด็นที่ 3 การที่รัฐบาลใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุมก่อน ทั้งๆที่ผู้ชุมนุมไม่ได้ส่งสัญญาณหรือท่าที ที่จะก่อจลาจล แต่อย่างใด ในประเด็นที่ 4 คือ การอ้างการไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่ของกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งมิได้เข้าข่ายการก่อจลาจล รวมทั้งใช้เอาเหตุการณ์หนึ่งมาเหมารวมประชาชน
วิโรจน์ กล่าวว่า พรรคก้าวไกล จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาล บริหารจัดการสถานการณ์การชุมนุมให้เป็นไปตามหลักสากลอย่างแท้จริง ไม่ใช่หลักสากลที่รัฐบาลอ้าง แต่กลับถูกประณาม และตั้งคำถามจากเวทีนานาชาติ ยุติการใช้นิติสงคราม บังคับใช้กฎหมายกับประชาชนอย่างเลือกปฏิบัติ และไม่เป็นธรรม ยุติการสร้างเงื่อนไขยั่วยุ การใช้ขบวนการไอโอ ปลุกปั่นให้ประชาชนเกลียดชังกันเอง รวมทั้งการเกณฑ์คนมาเพื่อมุ่งหวังให้เกิดการปะทะแบบม็อบชนม็อบ เพื่อหาสาเหตุการใช้กฎหมายพิเศษเข้ามาจัดการกับประชาชน โดยไม่คำนึงถึงนิติรัฐ
"สำหรับกลุ่มบุคคลที่กำลังคิดที่จะล้มล้างการปกครองด้วยการทำรัฐประหาร พรรคก้าวไกล ยืนยันว่า หากรัฐประหารเกิดขึ้น จะเป็นการนำพาประเทศไปสู่ความวิบัติ นอกจากจะซ้ำเติมให้สังคมมีความบอบช้ำ และขัดแย้งกันแบบร้าวลึก ยังจะนำมาซึ่งการล่มสลายทางเศรษฐกิจ การลงทุนภายในประเทศจบสิ้น ซึ่งจะส่งผลต่อความทุกข์ยากของประชาชน แบบทุกหย่อมหญ้าอีกด้วย และจะทำให้ประเทศไทยถูกขีดฆ่าออกจากเวทีโลกในที่สุด เชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่ ไม่อาจที่จะยอมรับการทำรัฐประหารได้อีกแล้ว" วิโรจน์ กล่าว
ขณะที่ สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ในฐานะรองหัวพรรค กล่าวว่า พรรคก้าวไกลได้ตั้งคณะติดตามการชุมนุม โดยมี ส.ส.ของพรรคลงพื้นที่รับทราบข้อเท็จจริง เเละดูความปลอดภัยที่จะเกิดขึ้นต่อนักศึกษาและผู้ชุมนุมที่ภาครัฐสร้างขึ้นมาเพื่อโจมตีฝ้ายตรงข้าม ตลอดจนถนนเเละพื้นที่ชุมนุมและการบริการด้านสาธารณสุข ซึ่งกฎหมายบัญญัติไว้ชัดเจนว่า สิทธิของการชุมนุมสามารถกระทำได้ตามรัฐธรรมนูญกำหนด โดยที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่ากลุ่มผู้ชุมนุมกระทำการด้วยสันติวิธี ปราศจากอาวุธ หลีกเลี่ยงต่อการปะทะที่เกิดขึ้นในสังคม จะเคลื่อนตัวไปอย่างรวดเร็วไม่ต้องการให้เกิดการนองเลือด ให้เป็นประเด็นที่รัฐบาลจะใช้เป็นเครื่องมือในการใช้กฎหมายพิเศษ โดยพรรคก้าวไกล จะติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่องเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อผู้ชุมนุมที่รัฐจะต้องปฏิบัติตามหลักสากล ไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชน
ส่วนกรณีกลุ่มภาคีเครือข่ายเพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ยื่นหนังสือต่อ ชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อตรวจสอบสมาชิกสภาชิกรัฐสภาที่มีพฤติกรรมจาบจ้วงสถาบัน โดยมีรายชื่อของ ส.ส.พรรคก้าวไกล วิโรจน์ กล่าวว่า ทุกครั้งที่เราลงพื้นที่สังเกตการชุมนุม เราดูทุกครั้งว่าเจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติต่อผู้ขุมนุมตามหลักสากลหรือไม่ เราพยายามที่จะสังเกตการเพื่อปฏิบัติตามหลักสากลเเละไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชน อีกทั้งเราไม่เคยมีพฤติกรรมที่ปลุกปั่นต่อผู้ชุมนุมเหมือนสส.ฝั่งรัฐบาล ซึ่งหน้าที่ที่สำคัญที่สุดในฐานะสมาชิกสภาผู้เเทนราษฎร คือ เราพิทักษ์ความปลอดภัยของประชาชนต่อรัฐบาลที่เรียกร้องสิทธิตามรัฐธรรมนูญในระบอบประชาธิปไตย