วันที่ 8 พ.ย. แสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง กล่าวถึงกรณีที่พรรคก้าวไกลมีมติขับ 2 สส. ออกจากพรรคเนื่องจากปัญหาคุกคามทางเพศ ว่า จะต้องหาพรรคสังกัดใหม่ภายใน 30 วัน ซึ่งพรรคการเมืองที่ไม่มี สส. ในปัจจุบันก็สามารถรับเข้าสังกัดได้ แต่หากไม่สามารถหาพรรคได้ จะต้องพ้นสภาพการเป็น สส. และต้องมีการจัดการเลือกตั้งใหม่ โดยเรื่องการขับเป็นเรื่องภายในพรรค ที่ต้องชอบด้วยข้อกฎหมายและข้อบังคับพรรค
ส่วนกรณีที่นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทยไปยื่นกกต. ขอให้ยุบพรรคก้าวไกลจากกรณีที่ขับ 2 สส. ต่างจากกรณีของนายปดิพัทธ์ สันติภาดา ที่ เหมือน 2 มาตรฐานอาจเป็นการสมรู้ร่วมคิดและ สมประโยชน์เพื่อตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านนั้น นายแสวงกล่าวว่า ถือเป็นสิทธิ์ของผู้ที่ไปยื่นเรื่องกกต. ทั้งนี้การขับนายปดิพัทธ์จะผิดข้อบังคับพรรคก้าวไกลหรือไม่ อยู่ที่กฎหมายและข้อเท็จจริง ซึ่งต้องดู เพราะทุกพรรคต้องทำตามกฎหมาย และข้อบังคับพรรคถ้าชอบด้วยกฎหมาย ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะความเห็นคนมีอยู่มากมาย ในเรื่องเดียวกัน ซึ่งต้องพิจารณาว่าเป็นอย่างไร
สำหรับการขับนายปดิพัทธ์จะถือเป็นการสมคบคิดหรือไม่นั้นกกต.ยังไม่ได้พิจารณา แต่จะพิจารณาจากข้อเท็จจริงและ กฎหมายที่เกี่ยวข้องเท่านั้น
แสวง กล่าวภายหลังชี้แจงแนวทางการทำประชามติต่อคณะอนุกรรมการศึกษาแนวทางในการทำประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 ว่า กกต. ไม่มีอำนาจที่จะตัดสินว่าต้องทำประชามติกี่ครั้ง ขึ้นอยู่กับทางรัฐบาล แต่ยืนยัน กกต. มีความพร้อม ส่วนงบประมาณ ยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน ว่าจะต้องใช้งบประมาณเท่าใดและจะอนุมัติช่วงไหน ซึ่งกกต.จะต้องส่งเรื่องมาของบประมาณจากรัฐบาล
ส่วนการจัดทำประชามติผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์นั้น เลขาธิการ กกต. ระบุว่าต้องรอดูรายละเอียดเพราะมีเงื่อนไข ทางเทคนิคบางส่วน ซึ่งก็สามารถทำได้ แต่ก็ว่าจะถึงตรงนั้นก็ยังมีเรื่องอื่น ให้พิจารณาโดยเฉพาะเรื่องความพร้อม ที่ไม่ใช่ความพร้อมของ กกต. ซึ่งได้ชี้แจงรายละเอียดทั้งหมดให้คณะอนุกรรมการฯเรียบร้อยแล้ว