บ่ายวันหนึ่ง ณ ลานสเก็ตปาร์ค สนามกีฬาหัวหมาก กรุงเทพฯ สาวน้อยวัยเพียง 10 ขวบ กำลังฝึกซ้อมอย่างมุ่งมั่น กระโดดทะยานกลางอากาศและพาตัวเองพร้อมบอร์ดคู่ใจลงพื้นได้อย่างสวยงาม
ดรีม - กัลยวรา ชูเรือง กลายเป็นเด็กผู้หญิงชาวไทยคนแรกที่ได้รับการคัดเลือกจาก Camp Woodward ให้เข้าร่วมฝึกซ้อมและพัฒนาฝีมือที่รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา
"สวัสดีค่าพี่" สาวน้อยในชุดกีฬาพร้อมอุปกรณ์เซฟตี้ยิ้มร่าอย่างสดใส ดูก็รู้ว่าเธอสนุกสนานขนาดไหนกับเส้นทางที่ตัวเองเป็นคนเลือกเอง
แรงบันดาลใจที่กลายเป็นจุดเริ่มต้นในการเล่นสเก็ตบอร์ดของดรีม มาจากภาพความเท่ของรุ่นพี่ที่โรงเรียนนานาชาตินีวา เมื่อเกือบ 2 ปีก่อน
“หนูเห็นรุ่นพี่เล่นสเก็ตหลังเลิกเรียนแล้วรู้สึกเขาเท่มาก หนูเลยไปขอเขาเล่นและรู้สึกสนุกจนอยากมีเป็นของตัวเอง”
เย็นวันนั้นสาวน้อยกลับบ้านไปเอ่ยปากบอกคุณแม่ “หนูอยากได้สเก็ตบอร์ด” อย่างไรก็ตามคนเป็นแม่ไม่ได้อนุมัติในทันที “แม่บอกว่าห้ามเล่นไอแพด 3 วันถึงจะซื้อให้หนู”
เธอบอกว่าการยืนอยู่บนบอร์ดไม่เพียงแต่เต็มไปความสนุกสนาน แต่ยังรู้สึกถึงอิสรภาพ ความเข้มแข็ง ความสัมพันธ์กับเพื่อนฝูงและข้อคิดในการลุกขึ้นสู้หลังจากล้มลง
“ล้มแล้วต้องสู้ เรามีหน้าที่สู้ต่อไป ไม่ต้องกลัว” หนูน้อยกล่าว โดยอุบัติเหตุร้ายแรงที่สุดที่เธอเคยได้รับคือศีรษะแตกและดวงตาบวม
ไอดอลในการเล่นสเก็ตบอร์ดของเธอคือ Sky Brown และ Isamu Yamamoto สุดยอดนักสเก็ตบอร์ดระดับโลก ซึ่งดรีมหวังว่าสักวันเธอจะก้าวไปสู่ระดับเดียวกันหรือสูงกว่าทั้งคู่ให้ได้
“หนูอยากติดทีมชาติและเป็นอันดับ 1 ของโลก” เธอบอกถึงเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ของตัวเอง
การก้าวเข้ามาสู่วงการสเก็ตบอร์ดของดรีม ทำให้เธอต้องออกจากโรงเรียนในระบบมาสู่โฮมสคูล โดยมีครอบครัวคอยดูแลรูปแบบการเรียนเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของเธอ
“พ่อบอกว่าถ้าหนูอยากจะก้าวไปถึงระดับมืออาชีพ หนูต้องฝึกฝนอย่างหนักและใช้เวลากับมันอย่างเต็มที่” เด็กสาวกล่าว “หนูคิดว่าคงคิดถึงเพื่อนที่โรงเรียนแย่เลย แต่พอมาถึงสนามนี้ก็เห็นว่ามีเพื่อนๆ ใหม่เยอะเหมือนกัน”
ทั้งนี้เมื่อเดือนก่อนเธอส่งคลิปลีลาการเล่นไปให้กับ Camp Woodward สุดยอดโครงการและสถานที่ฝึกฝนใน สหรัฐอเมริกา ก่อนได้รับคัดเลือกให้เข้าร่วมแคมป์เป็นเวลา 3 เดือนตั้งแต่ มิถุนายน – สิงหาคม 62 ซึ่งนับเป็นเด็กผู้หญิงไทยคนแรกที่ได้รับโอกาสนี้
“หนูจะพยายามทำให้ดีที่สุด เรียนรู้และเก็บเกี่ยวประสบการณ์มาพัฒนาตัวเองค่ะ” ดรีมแววตาเบิกกว้างบอกถึงความตั้งใจ
“คุณให้ลูกทำตามความฝันของลูกหรือคุณให้ลูกทำตามความฝันของคุณ บ้านผมให้ลูกเป็นศูนย์กลาง ผมไม่ได้มีความฝันอะไรเกี่ยวกับลูกเลย ไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะต้องมีอาชีพเป็นหมอ นักวิชาการ หรือศิลปิน ผมมองว่ามันคือชีวิตของเขา” อธิราช ชูเรือง และ ฐิตา อินทพันธ์ คุณพ่อและคุณแม่ตอบคำถามถึงรูปแบบการเลี้ยงดูลูกสาวคนเดียวของครอบครัว
อธิราชเพิ่มเติมว่าเขามีหน้าที่สนับสนุนความฝันและความต้องการของลูกให้มากที่สุด
“เมื่อลูกตัดสินใจแล้ว หน้าที่ของครอบครัวคือการหาผู้ฝึกสอนที่ยอดเยี่ยม อุปกรณ์เสริมที่ดี อาหารที่เหมาะสมเพื่อส่งเสริมศักยภาพของเขา”
ตารางชีวิตของดรีมถูกกำหนดโดยความต้องการของตัวเอง แต่ละวันเธอใช้เวลาในการฝึกซ้อมสเก็ต 5 ชั่วโมง ช่วงเวลาอื่นๆ เป็นการพักผ่อน ทำกิจกรรมที่หลากหลาย และเรียนรู้ในเชิงวิชาการจากการสอนของพ่อและแม่ โดยเฉพาะวิชาการคณิตศาสตร์และภาษาอังกฤษ
“ผมเรียนจบวิศวกรโยธา ปัจจุบันทำงานด้านการตลาด ผมมองว่าคนเราไม่จำเป็นต้องเรียนด้านเดียวกับอาชีพที่ตัวเองทำ มันมาจากความชอบ ความรัก ซึ่งมีผลให้เราทำมันได้ดี”
คุณพ่อมาดเท่ย้ำด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่าหน้าที่ของพ่อแม่คือการทำความเข้าใจลูก สร้างภาวะที่ปลอดภัย และส่งเสริมศักยภาพตามแนวทางที่เขาต้องการ
(ภาพโดย - พงศธร ร้อยแก้ว)
"โค้ชเอส" สุทัศน์ ศิริวัฒน์ ผู้ฝึกสอนสเก็ตบอร์ดทีมชาติไทย และโค้ชส่วนตัวของดรีม บอกว่า ปัจจุบันสเก็ตบอร์ดได้รับความนิยมมากขึ้นในประเทศไทย ผู้ปกครองและสังคมเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อกีฬาชนิดนี้ไปอย่างสิ้นเชิงจากอดีต โดยกีฬาสเก็ตบอร์ดได้รับการบรรจุในเอเชียนเกมส์ 2018 และได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี) ให้บรรจุในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่จะถึงนี้
“สมัยที่ผมเล่นเขามองพวกเราเป็นเด็กวัยรุ่นมั่วสุม สร้างความรำคาญให้ผู้อื่น เป็นพวกกุ๊ย แต่ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าสเก็ตเป็นกีฬามีการแข่งขันที่เป็นมาตรฐาน เป็นทางการ สร้างชื่อเสียงและเม็ดเงินเลี้ยงตัวเองได้”
โค้ชเอส เล่าว่า ปัจจุบันมีผู้สนใจเข้ามาฝึกฝนตั้งแต่อายุเพียงแค่ 5 ขวบ ซึ่งส่งผลดีต่อวงการสเก็ตบอร์ดเมืองไทย อย่างไรก็ตามสำหรับผู้หญิงยังมีจำนวนน้อยมากที่เข้ามาเล่นอย่างจริงจังและหวังก้าวไปสู่ระดับมืออาชีพ ซึ่งสำหรับดรีมเขาเชื่อว่าด้วยอายุและพื้นฐานที่ดี มีโอกาสสูงที่จะก้าวไปติดทีมชาติไทยในอนาคต
“วัย 10 ขวบเบสิกพื้นฐานต้องแน่น ไถให้คล่อง ทรงตัวให้เป็น สิ่งที่ต้องระวังมากที่สุดคืออาการบาดเจ็บ ที่ทำให้หลายคนเข็ด หยุดพัฒนาและถึงขั้นเลิกเล่นไปเลย” อดีตนักกีฬาทีมชาติกล่าว
(ภาพจากอินสตาเเกรม dreamgirlskateboard)