ศูนย์กลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนและสภาแห่งรัฐออกระเบียบว่าตัวจริยธรรมการปฏิบัติตนของพลเมืองฉบับใหม่ เพื่อยกระดับมาตรฐานทางจริยธรรมของประชาชนจีนและปลูกจิตสำนึกรักความเป็นชาติให้มากขึ้น โดยแนวทางปฏิบัติตนนั้นมีตั้งแต่เรื่องการศึกษา การอบรมสั่งสอนบุตรของครอบครัวไปจนถึงการคัดแยกขยะ การเคารพธงชาติและเพลงชาติอย่างถูกต้อง
ระเบียบว่าด้วยจริยธรรมการปฏิบัติตนชุดใหม่นี้ได้เรียกร้องให้ประชาชนเป็นพลเมืองที่มีความสุภาพ มีน้ำใจ และมีความซื่อสัตย์ รวมไปถึงการปกป้องสิ่งแวดล้อม การปฏิบัติตนในการรับประทานอาหารเย็นอย่างมีอารยะและปฏิบัติตนตามแบบอย่างของ 'เล่ย เฟิง' ผู้ซึ่งถูกยกย่องให้เป็นผู้นำด้านจิตอาสาของพรรคคอมมิวนิสต์ในเรื่องการเสียสละรวมอยู่ด้วย
นอกจากนี้พรรคคอมมิวนิสต์ยังระบุแนวทางการปฏิบัติตนของพลเมืองโดยคาดหวังว่า ชาวจีนจะมีการปฏิบัติที่ถูกต้องเกี่ยวกับการคัดแยกขยะ การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ การทำธุรกิจที่ใสสะอาดและการปฏิบัติตนที่ดีขณะไปท่องเที่ยวที่ต่างๆ อย่างมีอารยะ ซึ่งพรรคคอมมิวนิสต์กล่าวว่า "ภาพลักษณ์ทางจริยธรรมของประชาชนเป็นสิ่งที่สัมพันธ์กับภาพลักษณ์ของชาติ"
เซิน ติงลี่ ศาสตราจารย์ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจากมหาวิทยาลัยฟูตันของจีนกล่าวว่า ยุคสมัยของสีจิ้นผิงนั้นเรียกร้องให้ประชาชนจีนมีจริยธรรมตามแนวทางปฏิบัติที่สูงขึ้นควบคู่ไปกับการพัฒนาทางสังคมของจีนและยังคงเปิดรับและพร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ จากโลกภายนอกเพื่อนำมาพัฒนาและให้โลกได้เรียนรู้จากจีนเช่นกัน
ระเบียบจริยธรรมจีนฉบับล่าสุดนี้ถือได้ว่ามีความแตกต่างจากระเบียบปฏิบัติตนก่อนหน้านี้ที่ตีพิมพ์เมื่อปี 2001 โดยฉบับปี 2001 นั้นมีการอ้างอิงถึงคำสอนและแนวทางปฏิบัติของบุคคลที่สำคัญของพรรคคอมมิวนิสต์ทั้ง เหมา เจ๋อตุง และเติ้งเสี่ยวผิง แต่ในฉบับล่าสุดนั้นได้ตอกย้ำแนวทางการปฏิบัติของสีจิ้นผิง ประธานาธิบดีคนปัจจุบันเป็นหลักสำคัญ โดยเฉพาะในเรื่องของการสร้างสังคมนิยมเอกลักษณ์เฉพาะแบบจีนที่สีจิ้นผิงกล่าวในการประชุมพรรคคอมมิวนิสต์เมื่อปีที่ผ่านมา
เจียง เส่วฉิน นักวิจัยด้านจีนศึกษากล่าวว่า เอกสารเรื่องจริยธรรมนั้นสะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มทางการเมืองของจีนและการเดินตาม 'ความฝันจีน' ที่มีเป้าหมายในการจะฟื้นคืนความยิ่งใหญ่ของจีนโดยปราศจากวัฒนธรรมตะวันตก
นอกจากนี้เขายังกล่าวว่า เอกสารชุดนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในฮ่องกง ที่จีนมองว่าฮ่องกงได้รับอิทธิพลทางความคิดจากตะวันตกมากเกินไปในการศึกษาระดับโรงเรียน ซึ่งเป็นรากฐานทางความคิดของประชาชน ส่งผลให้การอบรมสั่งสอนแนวคิดทางการเมืองจึงเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ ของการศึกษา
ที่มา the globe and mail / the guardian