ไม่พบผลการค้นหา
คณะกรรมการผลักดันแก้ไข รธน. พรรคเพื่อไทย ย้ำ ส.ส.ร. ควรมาจากการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชน ควรให้ประชาชนทำประชามติให้ความเห็นชอบหากยกร่างเสร็จสิ้นในวาระที่ 3 ยืนยันในร่างของฝ่ายค้านมีความครบถ้วนสมบูรณ์

ที่พรรคเพื่อไทย ชัยเกษม นิติศิริ ประธานคณะกรรมการผลักดันแก้ไขรัฐธรรมนูญ พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยคณะกรรมการ ร่วมแถลงข่าวภายหลังการประชุม ว่า การแก้รัฐธรรมนูญเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องดำเนินการ และต้องทำให้ได้ผลที่ดีต่อประเทศชาติและประชาชน พรรคเพื่อไทยจึงได้ตั้งคณะกรรมการดังกล่าวขึ้นมา เพื่อผลักดันให้เกิดการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยจะทำหน้าที่ติดตามการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

ชูศักดิ์ เพื่อไทย แก้ไขรัฐธธรรมนูญ ชัยเกษม 155197_4089946877961305145_n.jpg

ด้านชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ที่ประชุมได้มองประเด็นในการประชุมของคณะกรรมาธิการ (กมธ.)ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแก้ไขเพิ่มเติม 3 ประเด็น ที่ฝ่ายค้านยังยืนยันในร่างของตนเองมาโดยตลอด คือ รัฐธรรมนูญที่ดีการแก้ไขได้ยากเป็นเรื่องธรรมดา และการแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องทำในรัฐสภา เพราะรัฐธรรมนูญไม่เหมือนกฎหมายทั่วไป การตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ทั้ง 200 คน ควรมาจากการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชน เพราะมองว่าเป็นการได้มาที่ดีที่สุด และได้รัฐธรรมนูญที่มาจากประชาชนโดยตรง การผ่านวาระ 3 ควรให้ประชาชนลงประชามติ พร้อมยืนยันว่า ร่างของฝ่ายค้านสมบูรณ์ครบถ้วน 

ส่วนกรณีที่ฝ่ายรัฐบาลมองว่า ส.ส.ร. ที่มาจากประชาชนทั้งหมด อาจจะไม่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในการยกร่างรัฐธรรมนูญนั้น มองว่า ส.ส.ร. ที่มาจากประชาชนก็เป็นข้อพิสูจน์แล้วว่าเคารพเสียงของประชาชน ซึ่งได้กำหนดคุณสมบัติเอาไว้โดยอิงจากคุณสมบัติ ส.ส. ทั้งนี้ การจะยกร่างรัฐธรรมนูญนั้น ส.ส.ร. ส่วนหนึ่งต้องไปตั้งกรรมการในการยกร่าง โดยมีทั้ง ส.ส.ร. และผู้ทรงคุณวุฒิ ก่อนนำกลับไปให้ ส.ส.ร. พิจารณาทั้งหมดอีกครั้ง

ชลน่าน716297148073_4188724700462250079_n.jpg

ขณะที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว คณะกรรมการฯ ในฐานะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแก้ไขเพิ่มเติม สัดส่วนของพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ปัญหาที่เห็นไม่ตรงกันในชั้นกรรมาธิการฯ ขณะนี้คือ ส่วนหนึ่งเห็นว่ารัฐสภาไม่มีอำนาจในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และส่วนหนึ่งถกเถียงกันเรื่องชื่อของรัฐธรรมนูญหากมีการแก้ไขเสร็จสิ้นแล้ว ขณะเดียวกันในชั้นกรรมาธิการฯ มีความเห็นตรงกันที่จะไม่ใช้เสียงสนับสนุนจาก ส.ว. 1 ใน 3 ในการโหวตให้ความเห็นชอบในวาระ 3 แต่ยังมีการถกเถียงถึงคะแนนเสียงให้ความเห็นชอบว่าจะใช้เสียงของ ส.ส. จำนวนเท่าใด

ในส่วนรัฐบาลเห็นว่าควรใช้เสียง 3 ใน 5 ของสมาชิก แต่ฝ่ายค้านเห็นว่าควรใช้เสียงกึ่งหนึ่งของสมาชิก นอกจากนี้ในชั้นกรรมาธิการ ยังเห็นพ้องในการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่แตะหมวด 1-2 แต่ฝ่ายค้านเห็นว่า การจะแก้ไขในหมวด 1-2 ทำได้ หากการแก้ไขนั้นจะทำให้การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขมีความสมบูรณ์มากขึ้น