ที่ประชุมวุฒิสภามีมติให้นายพรเพชร วิชิตชลชัย อดีตประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เป็นประธาน ส.ว., พลเอก สิงห์ศึก สิงห์ไพร อดีต สนช. เป็นรองประธานคนที่ 1, และนายศุภชัย สมเจริญ อดีตประธาน กกต. เป็นรองประธ��นคนที่ 2 โดยการประชุมนัดแรก เริ่มขึ้นเวลา 17.30- 18.50 น. วันนี้ (24 พ.ค. 2562) ที่หอประชุมใหญ่ บริษัท ทีโอที จำกัด ถนนแจ้งวัฒนะ
ทั้งนี้ เมื่อเวลา 16.00 น. ส.ว. เดินทางมาพร้อมกันจากพิธีเปิดประชุมรัฐสภา ที่กระทรวงการต่างประเทศ โดยรถบัส อาทิ นายพรเพชร วิชิตชลชัย อดีตประธาน สนช., นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย อดีตรองประธาน สนช., นายศุภชัย สมเจริญ อดีตประธาน กกต., พลเอก สิงห์ศึก สิงห์ไพร อดีต สนช., พลเอก ปรีชา จันทร์โอชา น้องชายของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี, นายอุปกิต ปาจรียางกูร สามี ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ, นางจิรดา สงฆ์ประชา พี่สาว ส.ส. พปชร., นายสุรชัย ดนัยตั้งตระกูล น้องชายกรรมการบริหารพรรค พปชร., นายสัญชัย จุลมนต์ น้องชายประธานศาลฎีกา, พลเรือเอก ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ น้องชายพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม, พลอากาศตรี เฉลิมชัย เครืองาม น้องชายวิษณุ, นายสม จาตุศรีพิทักษ์ พี่ชายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ เป็นต้น รวมทั้งอดีตรัฐมนตรี และผู้บัญชาการเหล่าทัพที่เป็น ส.ว. โดยตำแหน่ง เดินทางมาพร้อมกันโดยรถประจำตำแหน่ง
ขั้นตอนเริ่มต้นจากการอ่านพระราชโองการโปรดเกล้าฯ รายชื่อสมาชิกวุฒิสภาทั้ง 250 คน มีร้อยเอก ทินพันธุ์ นาคะตะ อดีตประธานสภาปฏิรูปประเทศ ที่มีอายุ 85 ปี เป็นประธาน ส.ว. ชั่วคราว จากนั้น ร.อ.ทินพันธุ์ นำเข้าสู่วาระที่สองคือการเลือกประธานและรองประธานวุฒิสภา ใช้ระเบียบข้อบังคับเดียวกับเมื่อปี 2551
แต่ทั้งนี้ พลเอก สมเจตน์ บุญถนอม สมาชิกวุฒิสภาลุกขึ้นเพื่อเสนอที่ประชุมหารือกันก่อนที่จะเลือกประธานและรองประธานวุฒิสภา เนื่องจากเห็นว่าว่าประธานวุฒิสภามีความสำคัญอย่างยิ่งในการทำหน้าที่ร่วมกับสภาผู้แทนราษฎร ดังนั้น จึงมีความจำเป็นที่ต้องได้บุคคลที่มีความรู้ความสามารถ ควบคุมสภาได้ และได้การยอมรับจากทุกฝ่าย แต่ ร.อ.ทินพันธุ์ ตัดบทและชี้แจงว่าการประชุมในวันนี้ไม่มีวาระในการหารือเรื่องอื่น ซึ่งจะต้องเป็นไปตามข้อบังคับการประชุม และถือว่าวันนี้เป็นวันสำคัญที่ ส.ว. จะได้ทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ
จากนั้น นายสุวพันธุ์ ตันยุวัฒนะ ได้เสนอชื่อนายพรเพชร และมีผู้รับรองตามข้อบังคับการประชุม เพียงคนเดียว แต่เมื่อประธานที่ประชุมจะประกาศชื่อ นายพรเพชร เป็นประธาน ส.ว. พลเอก อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์ เสนอว่าตามข้อบังคับการประชุมให้นายพรเพชรแสดงวิสัยทัศน์ก่อน ซึ่งนายพรเพชร แสดงวิสัยทัศน์ตอนหนึ่งว่า ขอบคุณสมาชิกทุกคนที่รับรองตนให้เป็นประธานวุฒิสภา และขอบคุณ พลเอก สมเจตน์ ที่จะให้โอกาสตนแสดงวิสัยทัศน์และประวัติ จากนั้นนายพรเพชร แนะนำประวัติการศึกษาและการทำงาน ยืนยันว่าได้เรียนรู้พฤติกรรมสมาชิกที่ได้ทำงานร่วมกันในพัฒนาและเห็นชอบกฎหมาย และได้รับตำแหน่งอันทรงเกียรติ คือ ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ผ่านกฎหมายมากว่า 500 ฉบับที่มีคุณภาพ ตามหลักนิติธรรม และเชื่อว่าจะทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติ สนช. ทุกคนพยายามอย่างเต็มที่และระมัดระวังอย่างมาก เพราะกฎหมายทุกฉบับถูกเฝ้ามองและถูกส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย แต่ก็ผ่านการวินิจฉัยไม่ขัดกับรัฐธรรมนูญเลยสักฉบับ
อย่างไรก็ตาม วุฒิสภา 5 ปี มีภารกิจในการปฏิรูปประเทศตามยุทธศาสตร์ชาติในบทเฉพาะกาล และเมื่อตนมารับตำแหน่งจะต้องทำหน้าที่นี้ให้สมบูรณ์ เพราะสิ่งที่ประชาชนคาดหวังและมี คสช. ขึ้นมาเพื่อการปฏิรูปประเทศ และจะสานต่อสิ่งที่ สนช. ทำมา นอกจากนี้การทำงานร่วมกับ ส.ส. คือหัวใจหลักของ ส.ว. สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความตั้งใจและจริงใจที่จะทำงานร่วมกันเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ไม่ต้องกังวลตนจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด สุดท้ายนายพรเพชร ขอกำลังใจและความร่วมมือให้การทำหน้าที่จากสมาชิกวุฒิสภาทุกคน และขอบพระคุณสมาชิกผู้ทรงเกียรติ
ขณะที่นายสมเจตน์ แสดงความไม่พอใจที่ในที่ประชุมไม่มีความไว้วางใจกันและไม่เปิดโอกาสให้ตนเสนอความเห็น แต่ ร.ต.ทินพันธุ์ ต่อสู้ประชาธิปไตยมาตั้งแต่ 2516 และตอนนี้ด้วย แต่ตอนนี้ทุกคนมีความเห็น 250 คนก็ 250 เสียง แต่ทุกคนเท่าเทียมกัน ไม่มีใครเหนือกันที่นี้ ถ้าเรารักประชาธิปไตยเราต้องเคารพเสียงข้างมาก
จากนั้นนายสุวพันธุ์ เสนอ พลเอกสิงห์ศึก เป็นรองประธานคนที่ 1 เพียงคนเดียว มี ส.ว. ยกมือรับรอง และ พลเอก สิงห์ศึก ขึ้นเวทีแนะนำประวัติและแสดงวิสัยทัศน์ โดยมีเนื้อหาคือ ตนได้รับเกียรติให้เป็น สนช. และทำหน้าที่มากว่า 58 คณะกรรมาธิการและคณะกรรมการ และได้รับรางวัลต่างๆ มากมายในสังคม ตนเห็นว่าทุกอย่างตนคิดคนเดียวไม่ได้ ต้องอาศัยองคาพยพร่วมมือกัน ตนขอบคุณเพื่อนสมาชิกทุกคน และเห็นว่าสภาแห่งนี้เป็นสภาอันทรงเกียรติและทุกคนมีความรู้ความสามารถ ทุกคนจะมีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์งานภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ตนจะเป็นผู้ประสานงานที่ดีและสนับสนุนงานของเพื่อนสมาชิกเพื่อเป็นประโยชน์ต่อส่วนร่วมและประเทศชาติตามแบบอย่างที่ดีของประเพณีในประเทศไทย
จากนั้นนายสุวพันธุ์ เสนอ นายศุภชัย เป็นรองประธานวุฒิสภาคนที่ 2 เพียงคนเดียวและมี ส.ว. ยกมือรับรอง โดยนายศุภชัย แสดงวิสัยทัศน์ มีใจความว่า ตนจะจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริตและปกป้องเกียรติของสมาชิกวุฒิสภา
ตามข้อบังคับการประชุม เมื่อมีผู้ถูกเสนอชื่อประธาน และรองประธานสภาเพียงผู้เดียวและมีผู้รับรองเกิน 10 คน ให้ถือว่าผู้ที่ถูกเสนอชื่อได้ดำรงตำแหน่งนั้น
นายพรเพชร ให้สัมภาษณ์หลังการประชุม ส.ว. ว่า วันนี้ปลื้มปิติมากจนให้สัมภาษณ์ไม่ได้ เพราะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จมาเปิดการประชุมรัฐสภา และพระราชทานพระบรมราโชวาท ซึ่งจะสภาจะน้อมเหล้าน้อมฯ มาปฏิบัติ และปลาบปลื้มที่การเลือกประธาน ส.ว.นี้ สมาชิกเห็นพ้องต้องกันจะสามารถทำงานร่วมกันได้ ส่วนการเลือกนายกรัฐมนตรีขอยังไม่ตอบ และต้องให้เกียรติสมาชิกพูดคุยกันก่อน และยังไม่อยากพูดอะไรที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งและความไม่เข้าใจกันเกิดขึ้น นอกจากนี้ ยังไม่มีการโปรดเกล้าฯ ตำแหน่งของตน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าสังคมมีการตั้งแง่กับ ส.ว. นายพรเพชรตอบว่า "ยิ่งตั้งแง่เท่าไหร่ก็ยิ่งต้องทำหน้าที่ให้ดี"
ส่วนตำแหน่งคณะกรรมาธิการชุดต่างๆในวุฒิสภานั้น มีทั้งหมด 22 ชุด เพิ่มขึ้นจากสมัยสนช.ที่มีแค่ 16 ชุด ซึ่งมีรายงานว่า ได้มีการวางตัวประธานกรรมาธิการชุดต่างๆ แล้ว โดยชุดที่ลงตัวแล้ว คือ ด้านสังคม เด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ที่คาดว่าจะเป็น นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ อดีต สนช.เป็นประธาน ส่วนกรรมาธิการด้านศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม คาดว่าได้มีการวางตัว นายมหรรณพ เดชวิทักษ์ เป็นประธาน
ขณะที่นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย และ นายพีระศักดิ์ พอจิต อดีตรองประธาน สนช. ที่ไม่มีแนวโน้มโผรายชื่อครั้งนี้ คาดว่าที่ประชุมจะมีการวางตัวให้เป็นประธานกรรมาธิการ แต่ยังไม่ได้กำหนดว่าเป็นชุดใด