ไม่พบผลการค้นหา
พาณิชย์เผยเอฟทีเอดันส่งออกทุเรียนไทยครองแชมป์อันดับ 1 โลกนำหน้าฮ่องกง-มาเลเซีย 6 เดือนแรกของปี 2562 ทะลุ 800 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่าในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2562 ทุเรียนยังคงเป็นผลไม้ที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดโดยมีสัดส่วนการส่งออกทุเรียนสดคิดเป็นร้อยละ 44 ของการส่งออกผลไม้ทั้งหมดและมีมูลค่าการส่งออกทุเรียนสดของไทยสู่ตลาดโลกถึง 817 ล้านเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปี 2561 ถึงร้อยละ 45 ตลาดส่งออกหลักได้แก่จีนและอาเซียนปัจจุบันไทยครองเป็นแชมป์ผู้ส่งออกทุเรียนได้เป็นอันดับที่1 ของโลกนำหน้าฮ่องกงและมาเลเซียกว่าเท่าตัว

นางอรมน กล่าวต่อว่า ความตกลงการค้าเสรีหรือเอฟทีเอมีส่วนส่งเสริมให้การส่งออกทุเรียนของไทยเติบโตเพราะช่วยขจัดอุปสรรคภาษีนำเข้าในประเทศคู่ค้าทำให้ทุเรียนไทยได้แต้มต่อจึงมีโอกาสส่งออกและแข่งขันมากขึ้น 

ซึ่งปัจจุบันทุเรียนของไทยไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า 16 ประเทศคู่ค้าที่ไทยมีเอฟทีเอ ได้แก่ จีน ฮ่องกง ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น เวียดนาม สิงคโปร์ อินโดนีเซีย สปป.ลาว กัมพูชา เมียนมา ฟิลิปปินส์ บรูไน อินเดีย ชิลี และเปรู เหลือเพียง 2 ประเทศ คือ มาเลเซียและเกาหลีใต้ที่ยังเก็บภาษีนำเข้าทุเรียนจากไทยแต่ปรับลดอัตราภาษีลงโดยมาเลเซียเก็บร้อยละ 5 ขณะที่เกาหลีใต้ปรับภาษีนำเข้าลงจากร้อยละ 45 เหลือร้อยละ 36 ซึ่งสอดคล้องกับสถิติการใช้สิทธิประโยชน์จากเอฟทีเอในการส่งออกปี 2561 และช่วงครึ่งปี 2562 พบว่าทุเรียนเป็นสินค้าที่ผู้ประกอบการขอใช้สิทธิประโยชน์ส่งออกสูงมากเป็นอันดับต้นโดยเฉพาะส่งออกไปจีนและอาเซียนซึ่งเป็นตลาดส่งออกสำคัญของไทยสัดส่วนการส่งออกทุเรียนไป 2 ตลาดนี้คิดเป็นร้อยละ 79 ของการส่งออกทุเรียนของไทยทั้งหมด

นางอรม กล่าวอีกว่า ปัจจุบันผู้บริโภคหันมาบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพมากขึ้นทำให้การค้าผลไม้มีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องซึ่งนอกจากผลไม้สดแล้วคาดการณ์ว่าตลาดผลไม้แปรรูปในลักษณะขนมขบเคี้ยวจะขยายตัวเพิ่มสูงขึ้น เช่นกันจึงเป็นโอกาสทองที่เกษตรกรและผู้ประกอบการไทยจะเพิ่มรูปแบบสินค้าส่งออกเป็นผลิตภัณฑ์ทุเรียนแปรรูปเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคอาหาร

ทั้งนี้ เพื่อให้สินค้าทุเรียนของไทยครองความเป็นหนึ่งในตลาดอย่างยั่งยืนเกษตรกรและผู้ประกอบการควรรักษามาตรฐานสินค้าและพัฒนาคุณภาพการผลิตอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การเพาะปลูกการบรรจุหีบห่อและมีใบรับรองสุขอนามัยพืชรวมทั้งควรลดการใช้สารเคมีและยาฆ่าแมลงเนื่องจากปัจจุบันตลาดในหลายประเทศมีความเข้มงวดประกอบกับผู้บริโภคนิยมผลไม้ปลอดสารพิษหรือเกษตรอินทรีย์เพิ่มขึ้น