ไม่พบผลการค้นหา
'ศุภวุฒิ สายเชื้อ' ยืนยัน นโยบายแจกเงิน 10,000 บาท ผ่าน digital wallet ไม่กระทบกระทบวินัยการเงินการเงินการคลัง และไม่กระทบ Credit Rating ของประเทศ ชี้ แนวคิด 'เงินดิจิทัล' คือ ‘แรง เร็ว ไม่คิดมาก’ จึงสำคัญ คือ เอาเงินใส่มือ ให้ประชาชนใช้ กระตุ้นเศรษฐกิจ เผยรัฐบาลต้องเสนอแนะให้ประชาชนลงทุน เพราะมีผลต่อความงอกงามของเงิน

วันที่ 28 ต.ค. 2566 สรุปประเด็น ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ ที่ปรึกษาสถาบันวิจัยภัทร นักเศรษฐศาสตร์ระดับภูมิภาค ให้สัมภาษณ์เรื่อง 'เงินดิจิทัล' ในรายการ เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand (https://youtu.be/nwkTmtlXsso?si=tEzOhoc5a-4_hcqG) เมื่อวันที่ 27 ต.ค. 2566 ว่านโยบายแจกเงิน 10,000 บาท ผ่าน digital wallet ไม่กระทบกระทบวินัยการเงินการเงินการคลัง และไม่กระทบ Credit Rating ของประเทศ

มีเหตุผลดังนี้

(1) นโยบายเงินดิจิทัล ใช้เงิน 5.6 แสนล้าน คิดเป็น 3% ของ GDP ประเทศ และความสามารถของนโยบายที่ทำให้ GDP โต ก็จะทำให้หนี้สาธารณะไม่เยอะ

หากเป็นไปตามการคาดการณ์เศรษฐกิจของแบงค์ชาติ ว่าในปีหน้า GDP จะโต 4.4% และอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 2.4% ก็เท่ากับหนี้สาธารณะต่อ GDP จะไม่โตเยอะ หรืออาจโตที่ 62% กว่าๆ เท่ากับปัจจุบันด้วยซ้ำไป

ปัญหาของเงินดิจิทัลตอนนี้มีเพียงเรื่อง Cash flow เอาเงินมาจากไหน เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือในการใช้จ่าย เพราะแหล่งที่มาของเงินติดปัญหากฎเกณฑ์

(2) รัฐบาลประยุทธ์ กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท คิดเป็น 6.18% ของ GDP แต่ก็ฟื้นฟูเศรษฐกิจไม่ได้

จุดประสงค์เงินกู้รัฐบาลประยุทธ์ แบ่งเป็น

2.1 ช่วยเหลือเยียวยา 5.5 แสนล้าน 

2.2 ฟื้นฟูเศรษฐกิจ 4 แสนล้าน และ

2.3 ช่วยเหลือการระบาด 4.5 หมื่น 

ซึ่งในที่สุด ข้อ 2.2 เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ 4 แสนล้าน ‘ทำไม่ได้’ ไม่ได้ใช้เลย เพราะการหาโครงการที่ดี ใช้แล้วมีผลทันที ยาก (Impact lag) เงินก้อนนี้ จึงโอนไปเพิ่มการเยียวยา

(3) เศรษฐกิจดีแล้วจริงหรือ? ดูที่ตัวชี้วัด

3.1 ตลาดหุ้นไทยติดลบ -18.33% แย่ที่สุดในโลก รองจากอิสราเอล -21.1% (YTD/Year to date) 

3.2 แบงค์ปล่อยกู้ลดลง ไม่เพิ่มขึ้น 

แสดงให้เห็นชัดว่า เศรษฐกิจไม่ได้ดีตามแบงค์ชาติคาด

รัฐบาลเศรษฐายืนอยู่กับปัญหาที่สั่งสมมา และยังไม่ได้แก้ไข ประกอบกับความท้าทายในปัจจุบัน

3.2 สถานการณ์ปัจจุบัน 

3.2.1 แบงค์ไม่ปล่อยเงินกู้

3.2.2 ดอกเบี้ยขึ้นเร็วมาก 

3.2.3 เงินเฟ้อลงเร็วมาก เท่ากับว่า ดอกเบี้ยจริงของเราสูงมาก 

ทำให้ผู้ประกอบการปรับตัวไม่ทัน เพราะเจอปัญหาใหญ่ ทั้งสภาพคล่อง และแบงค์ไม่ปล่อยกู้

(4) กระตุ้นเศรษฐกิจแบบไหนจึงดี เพราะไม่กระตุ้น เศรษฐกิจอาจฝุบลงด้วยซ้ำ

4.1 หลักการเงินดิจิทัลคือ เอาเงินใส่มือ ให้ประชาชนใช้ หากจะหมุนน้อยรอบหน่อย ก็สามารถเข้าใจได้ เปรียบเทียบกับโครงการ เช่น Land Bridge ใช้ระยะเวลาจึงจะให้ผลตอบแทน

‘แรง เร็ว ไม่คิดมาก’ จึงสำคัญ 

4.2 นโยบายการเงิน ต่างจาก นโยบายการคลัง

นโยบายการเงิน คือการขึ้นดอกเบี้ย หรือความตึงของระบบการเงินวันนี้ ผลจะไปเกิดกลางปีหน้าอย่างช้า (อัตราที่ 6-9 เดือน) ส่วนนโยบายการคลัง Impact lag ไม่มี 

ขณะนี้นโยบายการเงินกำลังบีบเศรษฐกิจ รัฐบาลจึงต้องใช้นโยบายทางการคลังเข้ากระตุ้น

(5) ถ้าต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ ประเด็นที่ควรคิดคือ จะทำให้ GDP โตกว่าหนี้ ได้อย่างไร

เพราะเมื่อ GDP โต หนี้สาธารณะต่อ GDP จะลดลง และวินัยการเงินการคลังจะกลับมา

5.1 ประสบการณ์ในอดีต วิกฤตเศรษฐกิจ 2540 รัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ออก พรบ รับหนี้กองทุนฟื้นฟู 1 แสนล้านบาท ให้เป็นหนี้ของรัฐ สามารถลดหนี้สาธารณะลงจาก 58% เหลือ 40% เพราะทำให้ GDP โตกว่าหนี้

(6) ให้เงินประชาชน ต้องไว้ใจประชาชน 

สิ่งที่ควรทำคือ เสนอแนะให้ประชาชนลงทุน เพราะมีผลต่อความงอกงามของเงิน ซึ่งเรื่องนี้ เงินจะงอกเงยได้มากน้อยแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับการไกด์ของรัฐบาล