ไม่พบผลการค้นหา
รองนายกฯภูมิธรรม หารือ เอกอัครราชทูตตุรกี ย้ำความสัมพันธ์ไทย-ตุรกี 67 ปี พร้อมขยายความร่วมมือทุกมิติ หารือความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและเศรษฐกิจ

วันนี้ (24 กุมภาพันธ์ 2568) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้หารือกับนางแซรัป แอร์ซอย เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐตุรกีประจำประเทศไทย สรุปสาระสำคัญดังนี้

รองนายกรัฐมนตรีและเอกอัครราชทูตตุรกีฯ ต่างยินดีกับความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นและยาวนานของทั้งสองประเทศ ซึ่งมีการแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในโอกาสครบรอบ 67 ปี ของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยและตุรกีในปีนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศได้ถูกยกระดับในหลากหลายมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ วัฒนธรรม การท่องเที่ยว และการทูต ส่งผลให้เกิดความร่วมมือที่ครอบคลุมและมีพลวัตสูง

ในด้านเศรษฐกิจ รองนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงศักยภาพที่ทั้งสองประเทศสามารถพัฒนาความร่วมมือกันได้ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่ตุรกีมีความเชี่ยวชาญ เช่น อุตสาหกรรมก่อสร้าง การผลิตยุทโธปกรณ์ การต่อเรือ และการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ทั้งนี้ ไทยมีความประสงค์ที่จะเสนอให้มีการเจรจาในเรื่องการเปิดตลาดสินค้าเฉพาะบางประเภท โดยเริ่มจากสินค้าที่ตุรกีมีความต้องการสูง หรือสินค้าที่ไทยมีความเชี่ยวชาญ ซึ่งเอกอัครราชทูตตุรกีฯ เห็นพ้องที่จะกระชับความร่วมมือทางการค้าระหว่างกัน เพื่อเสริมสร้างผลประโยชน์ทางการค้าร่วมกันของสองประเทศ

ในด้านความมั่นคง ทั้งสองฝ่ายได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการร่วมมือทางการทหาร ซึ่งที่ผ่านมา ไทยและตุรกีได้ลงนามในแผนปฏิบัติการร่วมฉบับที่ 2 (ปี 2566-2571) ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อยกระดับความสัมพันธ์ทวิภาคีให้เป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ภายในปี 2571 แผนดังกล่าวครอบคลุมความร่วมมือในหลายด้าน เช่น การสนับสนุนอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ การต่อต้านการก่อการร้าย การจัดตั้งกลไกการหารือด้านความมั่นคง และการร่วมมือระหว่างหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายและข่าวกรองระหว่างสองประเทศ

ทั้งสองฝ่ายได้แสดงความยินดีและชื่นชมความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศที่มีมาอย่างต่อเนื่อง โดยเอกอัครราชทูตตุรกีฯ กล่าวว่า ตุรกีเป็นหนึ่งในประเทศผู้ส่งออกยุทโธปกรณ์รายสำคัญของโลก มีความเชี่ยวชาญและความสามารถในการผลิตยุทโธปกรณ์หลากหลายประเภท และตุรกีพร้อมแลกเปลี่ยนการเรียนรู้และประสบการณ์ในการพัฒนาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศกับไทย

โอกาสนี้ รองนายกรัฐมนตรียังขอบคุณตุรกีสำหรับการสนับสนุนงานนิทรรศการอุปกรณ์ป้องกันประเทศ "Defense & Security" ที่จัดขึ้นในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง หวังเป็นอย่างยิ่งว่างาน Defense & Security 2025 ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 10-13 พฤศจิกายน 2568 จะได้รับการสนับสนุนจากตุรกีเช่นเดียวกับที่ผ่านมา

เอกอัครราชทูตตุรกีฯ ยังได้แสดงความยินดีที่จะยกระดับความร่วมมือกับไทยให้ครอบคลุมหลายมิติยิ่งขึ้น โดยตุรกีเชิญชวนภาคเอกชนไทยให้เข้ามาลงทุนในประเทศเช่นกัน เพื่อใช้ประโยชน์จากที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ของตุรกีซึ่งเชื่อมต่อกับตลาดขนาดใหญ่ในภูมิภาคยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกาเหนือ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องถึงความจำเป็นในการส่งเสริมการค้า การลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน

สำหรับความร่วมมือในระดับภูมิภาค รองนายกรัฐมนตรีขอบคุณตุรกีสำหรับการสนับสนุนในเวทีระหว่างประเทศ ในฐานะผู้ประสานงานกรอบความร่วมมือเอเชีย (ACD) และสมาชิกอาเซียน ไทยยืนยันที่จะสนับสนุนตุรกีในบทบาทและความร่วมมือพหุภาคีต่อไป ด้านตุรกีชื่นชมไทยที่มีบทบาทสำคัญในอาเซียน และหวังว่าจะได้รับการสนับสนุนจากไทย เพื่อให้ตุรกีมีบทบาทมากขึ้นในอาเซียน