เมื่อจีสตริง และเสื้อในดันทรงเสริมความเซ็กซี่ พ่ายแพ้ให้กับความสบายในการสวมใส่ อีกทั้งความคิดเรื่องการยั่วยวนยังถูกตั้งคำถาม ดีไซเนอร์จึงต้องคิดใหม่ว่า จะทำให้ชุดชั้นในน่าสนใจอย่างไร โดยไม่ทำให้ผู้หญิงกลายเป็นวัตถุทางเพศ

โอบาด (Aubade) หนึ่งในแบรนด์ชุดชั้นในชั้นนำจากฝรั่งเศส ยังคงไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจกับการขายเสน่ห์ทางเพศผ่านโฆษณา ด้วยการขึ้นป้ายขนาดยักษ์รูปของก้นกลมกลึงในชุดชั้นในลูกไม้แสดงอยู่หน้าห้างแกลเลอรี ลาฟาแยตต์ (Galleries Lafayette) หนึ่งในศูนย์การค้าที่ใหญ่ที่สุดในปารีส เพื่อโฆษณาสินค้าของแบรนด์ ทว่าภาพดังกล่าวได้สร้างความไม่พอใจให้กับสตรีบางกลุ่ม

เอเลน บิดาร์ (Hélène Bidard) ผู้ช่วยนายกเทศมนตรีกรุงปารีส ผู้ดูแลด้านความเท่าเทียมทางเพศ การเลือกปฏิบัติ และสิทธิมนุษยชน มองว่า การนำเสนอภาพก้นของผู้หญิงโดยปราศจากใบหน้าเป็นการลดทอนให้ผู้หญิงกลายเป็นวัตถุ และออกมาเรียกร้องผ่านทางทวิตเตอร์ให้ยุติแคมเปญโฆษณา ‘เหยียดเพศ’ นี้โดยทันที

อย่างไรก็ตาม ทวิตเตอร์เต็มไปด้วยเสียงเห็นต่าง โดยมองว่าประเทศที่แบนป้ายโฆษณาแบบนี้ต่างหากที่ไม่เคารพสิทธิสตรี รวมถึงเป็นการทำให้ร่างกายของผู้หญิงเป็นสิ่งต้องห้าม และผลักภาระปัญหากลับไปที่ผู้หญิงว่า ความรุนแรงทางเพศเป็นเพราะผู้หญิงใส่ชุดชั้นในยั่วยวน

มาร์ตินา บราวน์ (Martina Brown) รองผู้จัดการทั่วไปของโอบาด ไม่คิดว่าโฆษณานี้จะกลายมาเป็นปัญหา และกล่าวว่าเรื่องลักษณะนี้เคยเกิดกับแคมเปญโฆษณาของโอบาดมาแล้วในอดีต ซึ่งก็ทำให้ผู้คนตกใจ แต่ไม่ได้ทำให้ผู้หญิงหยุดซื้อชุดชั้นใน และแบรนด์ก็ยังเติบโตต่อไป

“ผู้หญิงชอบที่จะเห็นลวดลาย และงานลูกไม้ประณีต มันสื่อสารกับพวกเขา นั่นเป็นเหตุผลที่เราซูมไปที่ชุดชั้นในชัดๆ เราต้องตัดใบหน้าของนางแบบออกจากรูป ไม่อย่างนั้นเราก็โชว์ให้เห็นรายละเอียดของลายไม่ได้”

พร้อมย้ำว่า แม้จะมีแบรนด์ที่ใช้ผู้หญิงทั่วไปมาโฆษณาแทนนางแบบ แต่โอบาดเลือกที่จะทำให้ผู้หญิงได้มีความฝันกันมากกว่า

ทางด้าน ซาราห์ สแตกลิอาโน (Sarah Stagliano) ดีไซเนอร์ชุดชั้นในผู้ก่อตั้งแบรนด์ขนาดเล็ก อองเรียต อัช (Henriette H) กล่าวว่ายังไม่มีวิธีขายชุดชั้นในที่ดีกว่านี้ และพูดอย่างถึงที่สุดแล้วผู้หญิงก็ควรเลือกได้ว่าอยากจะเป็นวัตถุทางเพศหรือไม่

“ถ้าเราจะขายกางเกงชั้นในเราก็ต้องมีรูปก้นอยู่แล้ว เพราะเราสวมมันไว้ตรงนั้นนี่ ถ้าฉันขายครีมแล้วใช้รูปก้นโฆษณาก็ว่าไปอย่าง”

แบรนด์ ซิโมน เปเรล (Simone Pérèle) มองต่างออกไป แม้จะยังคงใช้นางแบบในโฆษณาส่วนใหญ่ แต่ก็มีโฆษณาบางตัวของแบรนด์ในปีที่แล้วที่นำเสนอภาพของชุดชั้นในในเชิงศิลปะจัดวางบนโต๊ะและเก้าอี้ที่รายล้อมด้วยสิ่งของสะท้อนบุคลิกของผู้สวมใส่ สเตฟานี เปเรล (Stéphanie Pérèle) หลานสาวของผู้ก่อตั้ง กล่าวว่า วิธีนำเสนอแบบอื่นๆ ยังมีอยู่

ที่มา :

• Lingerie companies face #MeToo challenges
• Lingerie looks for new bottom line after #MeToo