อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงเหตุการณ์สภาล่ม คะแนนนิยมของรัฐบาลในช่วงใกล้ครบวาระหดหาย ว่า ประชาชนได้สะท้อนผ่านโพล คะแนนนิยมของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ทรุดต่ำลงตลอด สวนทางกับความมั่นใจของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่เชื่อมั่นว่าต้องเดินไปตามลายแทงที่ทีมเสธ.เขียนให้ พยายามยื้ออำนาจให้นานที่สุด ลากอายุสภาไปให้ได้นานที่สุด แล้วก็รอสถานการณ์เป็นใจแล้วค่อยตัดสินใจยุบสภา อาจยุบสภาก่อนครบวาระเพียง 1 วัน แต่ความสำเร็จทางการเมือง ไม่ได้ยกมาจัดวางกันง่ายขนาดนั้น เหตุการณ์สภาล่มซ้ำซาก ส.ส.รัฐบาลไม่มีกะจิตกะใจประชุม เพราะต้องวุ่นวายดีดลูกคิดจะย้ายไปอยู่พรรคไหน เผชิญกับแรงเสียดทานการตกปลาในบ่อเพื่อนโดยเฉพาะในพรรคร่วมรัฐบาล รวมถึงพรรคใหม่พรรคเก่าของทีมสืบทอดอำนาจ 2 ลุง
อนุสรณ์ ระบุว่า การปรับ ครม.ปรับแล้วแป๊ก ไม่ปัง แถมตอกย้ำธาตุแท้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี คนละครึ่งกันแทบทุกเรื่อง ไม่เว้นแม้แต่เก้าอี้รัฐมนตรี ถ้ากรุง ศรีวิไล ไม่ก้มกราบแทบเท้า พล.อ.ประวิตร ในวันนั้น กลุ่มปากน้ำจะมีเก้าอี้รัฐมนตรีประดับกลุ่มก๊วนหรือ ธนกร วังบุญคงชนะ ถ้าไม่พลีชีพทางการเมืองสู้ตายปกป้องนายจน พล.อ.ประยุทธ์เคลิ้ม จะบุญหล่นทับได้เป็นรัฐมนตรีหรือ ปรับ ครม.แล้วนอกจากประชาชนจะไม่ว๊าว ยังกลับร้อง ว๊า เสียดายแทน พล.อ.ประยุทธ์ ที่ปล่อยโอกาสสร้างคะแนนให้รัฐบาลหลุดลอยไป การวางแผนจะแจกของขวัญปีใหม่กระตุ้นเศรษฐกิจ หวังมัดใจซื้อเสียงเลือกตั้งล่วงหน้า รัฐบาลคงทำอะไรไม่ได้มาก เพราะได้ใช้จ่ายเงินไปก่อนหน้านี้เป็นจำนวนมาก จึงไม่น่าจะมีเงินเหลือมากระตุ้นเศรษฐกิจได้มากนัก ที่สำคัญประชาชนรู้ทันหมดแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ ยิ่งฝืนอยู่ คะแนนยิ่งหาย อย่าหวังพึ่งปาฏิหาริย์ลมๆ แล้งๆ ว่าสักวันลูกจะเข้าทาง พลิกมาช่วงชิงความได้เปรียบในช่วงเลือกตั้ง
“8 ปีที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ได้อะไรไปมากมาย แต่ทำประเทศเสียโอกาสไปมาก ประชาชนจึงรอสั่งสอนเครือข่ายสืบทอดอำนาจ พร้อมเข้าคูหากาบอกลาและส่งทีมลุงกลับบ้าน” อนุสรณ์ กล่าว