เมื่อวันที่ 23 พ.ย.ที่ผ่านมา 'โจโลวาน แวม' นักเคลื่อนไหวชาวสิงคโปร์ ที่ออกไปถือป้ายแสดงภาพอีโมจิยิ้มบริเวณใกล้สถานีตำรวจแห่งหนึ่งเมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ขึ้นให้การต่อศาล ย้ำตนเองไม่ได้กระทำความผิดตามที่ถูกออกหมายจับในข้อหาละเมิดกฎหมายการชุมนุมของประเทศสิงคโปร์ พร้อมวางเงินประกันตัว 15,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ หรือประมาณ 339,000 บาท
หาก โจโลวาน ถูกศาลตัดสินว่ามีความผิดจริง เขาอาจต้องเจอโทษปรับสูงถึง 5,000 ดอลลาร์สิงคโปร์/ 1 ข้อกล่าวหา หรือประมาณ 113,000 บาท โดย โจโลวาน มีนัดขึ้นศาลอีกครั้งในวันศุกร์นี้ (27 พ.ย.) ปัจจุบันเขามีข้อกล่าวหาทั้งสิ้น 2 คดี
เมื่อ 19 พ.ย.ที่ผ่านมา โจโลวาน ทวีตข้อความอธิบายการกระทำของตนเองพร้อมแนบหมายเรียกจากสำนักงานตำรวจสิงคโปร์ ระบุว่า เขาถูกเรียกตัวไปยังกองบัญชาการตำรวจแตงลิน (Tanglin) ซึ่งมีหน้าที่ดูแลความมั่นคงกลางของประเทศ พร้อมได้รับแจ้งว่าตัวเขาถูกตั้งข้อกล่าวหาหลังออกไปประท้วงด้วยตัวคนเดียว
โจโลวาน อธิบายว่า ในครั้งแรก เขาเพียงแต่ออกไปยืนชูป้ายกระดาษที่มีการวาดรูปหน้าอีโมจิยิ้มเพื่อหวังสนับสนุนเยาวชนนักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อม 2 ราย ที่กำลังอยู่ในกระบวนการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขณะที่จุดประสงค์ในการออกไปถือป้ายครั้งที่ 2 เป็นไปเพื่อเรียกร้องให้ศาลยกฟ้องคดีหมิ่นประมาทของ เทอร์รี ซู และ แดเนียล เดอ คอสตา ซึ่งการกระทำทั้ง 2 ครั้ง เป็นเพียงการออกไปชูป้ายเพื่อหวังถ่ายรูปลงโซเชียลมีเดียเป็นหลัก ไม่ได้ใช้เวลานานแต่อย่างใด
โจโลวาน เสริมว่า ผู้คนมักคิดว่าสิงคโปร์เป็นประเทศพัฒนาแล้ว หัวก้าวหน้า ซึ่งนับว่าจริงในฝั่งโครงสร้างฟื้นฐาน แต่สิงคโปร์เป็นประเทศที่ผู้คนจำนวนมากใช้ชีวิตอยู้ใต้ความหวาดกลัว ผู้คนมักกลัวที่จะพูดอย่างที่พวกเขาคิดเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมือง หรือประเด็นทางสังคม
"สิงคโปร์เป็นประเทศที่ผู้คนจำนวนมากใช้ ชีวิตอยู้ใต้ความกลัว" โจโลวาน ชี้
เมื่อเทียบกับไทยหรือฮ่องกง การแสดงออกทางการเมืองในสิงคโปร์มีความเข้มงวดกว่ามาก ประชาชนจำเป็นต้องแจ้งเจ้าหน้าที่และได้รับการอนุญาตก่อนถึงจะสามารถร่วมแสดงออกได้ แม้นั่นจะหมายถึงการมีบุคคลเพียง 1 คน เข้าร่วมก็ตาม
ก่อนหน้านี้ โจโลวาน นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชนผู้สนับสนุนเสรีภาพในการสื่อสารเคยถูกจับกุมตัวระยะสั้นๆ มาแล้ว 2 ครั้ง โดยครั้งแรกมาจากกรณีที่เขาเชิญ โจชัว หว่อง นักเคลื่อนไหวชาวฮ่องกง มาร่วมสไกป์ออนไลน์เพื่อพูดคุย ซึ่งเจ้าหน้าที่ชี้ว่า การกระทำดังกล่าวยังไม่ได้รับการอนุญาต ขณะที่อีกกรณี เกี่ยวข้องกับการที่ชายชาวมาเลเซียถูกติดสินประหารชีวิตในคดียาเสพติด
ฟิล โรเบิร์ตสัน จากฮิวแมนไรตส์วอตช์ องค์กรเพื่อสิทธิมนุษยชน ให้ความเห็นกรณีโจโลวาน ชี้ว่า ผู้คนอาจไม่เชื่อว่าเจ้าหน้าที่รัฐจะยอมกระทำการที่ดูน่าขันขนาดนี้ แต่เพราะพวกเขาติดอยู่กับกับดักอำนาจมาตลอดจึงมองไม่เห็นความผิดแปลกในการกระทำดังกล่าว
ฟิล ปิดท้ายว่า รัฐบาลสิงคโปร์ควรเติบโตและหันมาเล็งเห็นถึงสิ่งที่ประชากรในประเทศต้องการจริงๆ ได้แล้ว โดยทุกสิ่งต้องเริ่มจากการเปิดให้มีสิทธิพลเมืองและสิทะทางการเมืองอย่างเสรี
อ้างอิง, BBC, FT, The Guardian, LA Times, CNA