สถานการณ์โควิดในประเทศไทยที่ 24 เม.ย. มีรายงานยอดผู้ติดเชื้อรายวันทะลุมากกว่า 2,000 ราย จากการระบาดระลอกที่สาม ทว่าอัตราการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดในหมู่ประชากรไทยกลับอยู่ที่เพียง 1% เท่านั้น ขณะที่การจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมของรัฐบาลไทยนั้น ก็ยังคงไม่ชัดเจน ทั้งยังไม่มีอะไรการันตีว่าคนไทยจะได้รับวัคซีนกันอย่างถ้วนหน้าภายสิ้นปีนี้
'วัคซีน' ไม่เป็นเพียงแค่เครื่องมือทางสาธารณสุขในการต่อสู้กับโรคระบาดเท่านั้น แต่ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่หลายชาติคาดหวังให้เปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้อีกครั้ง สำหรับประเทศไทย ชาติซึ่งการท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในเครื่องยนต์เศรษฐกิจสำคัญของประเทศ แต่แทบมองไม่เห็นอนาคตของการกลับมาในฐานะจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวโลก
ท่ามกลางสถานการณ์โควิดเดียวกัน แต่กลับพบว่าในหลายประเทศมีอัตราประชากรเข้าถึงวัคซีนกันเกินครึ่งนึงของจำนวนประชากรแล้ว บางประเทศมีปริมาณวัคซีนมากเกินจำนวนประชากรด้วยซ้ำ ประกอบกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่หยุดชะงักมานาน ดังนั้นจึงต้องแปลกใจหากว่าเราจะเห็นรายงานข่าวประเทศบางประเทศ หรือมลรัฐบางรัฐ ประกาศแจกวัคซีนป้องกันโควิดฟรีแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าพื้นที่ ภายใต้เทรนด์การท่องเที่ยวแบบใหม่ที่เรียกว่า "Vaccine Vacations" หรือ การท่องเที่ยวพร้อมฉีดวัคซีนฟรี
มัลดีฟส์ ประเทศหมู่เกาะในมหาสมุทรอินเดีย แดนสวรรค์ของเหล่านักท่องเที่ยวทั่วโลก เป็นชาติได้เปิดตัวโครงการที่เรียก Vaxication หรือการท่องเที่ยวพร้อมวัคซีน เพื่อเป็นอาวุธกระตุ้นการท่องเที่ยวอันเป็นอุตสาหกรรมหลักของประเทศ โดยต้องเป้าให้สามารถกลับมาเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวได้อีกครั้งภายในสิ้นปี 2563 หลังจากที่รัฐบาลมัลดีฟส์ฉีดวัคซีนแก่ประชาชนซึ่งมีเพียงราว 500,000 ได้ครบถ้วน 100% จากการที่มัลดีฟส์เข้าร่วมโครงการ Covax ทำให้ขณะนี้ประชากรในประเทศราว 285,000 หรือคิดเป็น 53.8% ของประชากรทั้งประเทศ ได้รับวัคซีนเข็มแรกแล้วเรียบร้อย
ตามแผนของรัฐบาลมัลดีฟส์ จะประกอบด้วยแผนการณ์ 3V อันประกอบด้วย Visit (มาเยือน) Vaccinate (ฉีดวัคซีน) และ Vacation (พักร้อน) นั่นหมายความว่าผู้มาเยือนที่จะเข้าโครงการนี้ จะต้องได้รับวัคซีนครบทั้ง 2 โดส โดยต้องใช้เวลาพำนักในมัลดีฟส์เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ ช่วงเวลานี้มัลดีฟส์หวังให้การมาเยือนของนักท่องเที่ยวช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวอันซบเซามายาวนาน
ขณะเดียวกัน ด้วยลักษณะอันโดดเด่นทางภูมิศาสตร์ที่เป็นหมู่เกาะกระจายตัว ทำให้สามารถใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
"เรากำลังผลักดันให้มัลดีฟส์เป็นจุดหมายปลายทางที่เป็นสวรรค์อันปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยว" อับดุลลาห์ เมาซูม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวมัลดีฟส์ กล่าว
ไมค์ ดันเลวี่ (Mike Dunleavy) ผู้ว่าการรัฐอะแลสกา แถลงข่าวถึงแผนเตรียมส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐ โดยเฉพาะช่วงฤดูร้อนในเดือนพฤษภาคม ถึง กันยายน ซึ่งเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว ที่รัฐบาลท้องถิ่นหวังกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวในพื้นที่
ดันเลวี่กล่าวว่า "ถ้าคุณมาที่อะแลสกา คุณจะได้รับวัคซีนฟรี ถ้าคุณต้องการ" โดยวัคซีนที่รัฐอะแลสกาแจกจ่ายแก่ประชาชนชนฟรีนั้น เป็นวัคซีนของไฟเซอร์ กับ โมเดอร์นา ตามแผนของรัฐบาลท้องถิ่นแองเคอเรจ นักท่องเที่ยวต่างชาติ และนักท่องเที่ยวสหรัฐฯ จะมีสิทธิรับวัคซีนโควิดฟรีตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. นี้เป็นต้นไป ทันทีที่เดินทางถึงสนามบินใหญ่ 4 แห่งของรัฐ โดยจะเริ่มทดสอบช่วงปลายเดือนเม.ย.นี้ ที่ท่าอากาศยานแองเคอเรจ สนามบินหลักของรัฐก่อน
สำหรับรัฐอะแลสกา ไม่ต่างกับอีกหลายมลรัฐในสหรัฐอเมริกาที่สถานการณ์ระบาดทุเลาลง อันเป็นผลจากการเดินหน้าโครงการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของคณะบริหารโจ ไบเดน ที่คาดว่าจะทะลุเป้า 200 ล้านโดส ภายใน 100 วันแรก โดยอะแลสกามีประชากรทั้งรัฐราว 6 แสนคน ปัจจุบันมีประชากรราว 47% ได้รับวัคซีนเข็มแรกแล้ว ขณะที่ประชากรซึ่งรับครบทั้งสองโดสแล้วมีราว 34%
และเช่นเดียวกับมัลดีฟส์ นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้าอะแลสกาจะต้องพำนักอยู่จนกว่าจะได้รับวัคซีนครบทั้งสองเข็ม โดยเมื่อรับวัคซีนเข็มแรกแล้วที่สนามบินแล้ว สามารถไปรับวัคซีนเข็มที่สองได้ในทุกรัฐของสหรัฐฯ ขึ้นอยู่กับระยะเวลาในการพำนักในสหรัฐ โดยถ้าเป็นวัคซีนของไฟเซอร์จะต้องรอ 21 วันจึงสามารถรับเข็มที่สอง ขณะที่วัคซีนโมเดอร์นาต้องทิ้งระยะเข็มสองที่ 28 วัน นั่นหมายความว่าหากชาวต่างชาติต้องการฉีดวัคซีนให้ครบสองเข็ม ต้องพำนักในสหรัฐฯ ไม่น้อยกว่า 21-28 วัน
อย่างไรก็ตาม แนวคิดนี้ของผู้ว่าอะลาสกา แม้มีเสียงวิจารณ์อยู่บ้าง แต่ผู้ว่าอะลาสกายืนยันว่า "เรามีวัคซีนมากเพียงพอสำหรับทุกคนแล้ว ทำไมเราจึงไม่ใช้แจกจ่ายผู้คนเพื่อกระตุ้นท่องเที่ยวล่ะ ถ้าคุณมาเยือนอะลาสกานับตั้งแต่ 1 มิ.ย. นี้เป็นต้นไป คุณจะได้รับวัคซีนฟรี" ในหลายประเทศผู้คนได้รับวัคซีนอย่างถ้วนหน้ากันแล้ว แต่สำหรับคนไทยแทบยังหาวัคซีนสำหรับประชาชนทุกคนไม่ได้