11 ก.ย. 2563 ‘ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา’ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นประธานแถลงข่าวจัดงาน ‘แสงนำใจ ไทยทั้งชาติ เดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต ครั้งที่ 6 เฉลิมพระเกียรติ’ ร่วมด้วย ‘รศ.นพ.วิศิษฎ์ วามวาณิชย์’ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราช, ‘รศ.นพ.ยงชัย นิละนนท์’ ประธานศูนย์โรคหลอดเลือดสมองศิริราช , ‘ดร.ณรงค์ เทียมเมฆ’ ประธานกรรมการมูลนิธิสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช วัดบวรนิเวศวิหารในพระบรมราชูปถัมภ์ ณ โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช จอมบึง และ ‘ทรงศักดิ์ เปรมสุข’ กรรมการมูลนิธิไทยคม ผู้ให้การสนับสนุนจัดงาน ณ โรงพยาบาลศิริราช
‘ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา’ กล่าวว่างาน 'แสงนำใจ ไทยทั้งชาติ เดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต ครั้งที่ 6 เฉลิมพระเกียรติ' หรือ Walk Run Bike Fighting Stroke 6 จะจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 15 พ.ย. 2563 ถือเป็นกิจกรรมที่จัดมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 และเป็นวาระพิเศษที่โรงพยาบาลศิริราชและมูลนิธิไทยคมร่วมจัดงานขึ้น เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ที่ทรงเป็นดั่งแสงนำใจของประชาชนไทย และทรงเป็นแบบอย่างแก่ประชาชนชาวไทยในการรักษาสุขภาพและออกกำลังกาย อีกทั้งเป็นการดำเนินงานในเชิงรุกสู่ชุมชนและสังคมแบบวิถีใหม่เพื่อให้ประชาชนชาวไทยทั่วประเทศตระหนักถึงความสำคัญของการป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง และเพื่อส่งเสริมให้มีกิจกรรมป้องกันโรคหลอดเลือดสมองซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายการรักษาและลดภาระของปัญหาโรคเรื้อรัง โดยให้ประชาชนทั่วไปทุกเพศ ทุกวัย ทุกหมู่เหล่ามีโอกาสออกกำลังกายอย่างง่าย เช่น การเดิน วิ่ง หรือปั่นจักรยาน ซึ่งถ้าทำเป็นประจำจะทำให้มีสุขภาพดีห่างไกลโรค ซึ่งการจัดกิจกรรมเดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต นับเป็นหนึ่งในกิจกรรมเชิงรุกเพื่อให้ความรู้ที่ถูกต้องกับประชาชน เพื่อลดอัตราการป่วยและความสูญเสียที่จะเกิดขึ้นจากโรคหลอดเลือดสมองอีกด้วย โดยรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายจากการจัดงาน จะนำไปสมทบกองทุน เดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาตในศิริราชมูลนิธิ เพื่อนำไปใช้ในการรณรงค์จัดกิจกรรมให้ความรู้ที่เป็นประโยชน์แก่ประชาชนและผู้ป่วยต่อไป
ด้าน ‘รศ.นพ.วิศิษฎ์ วามวาณิชย์’ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราช ได้กล่าวถึงรายละเอียดในการเข้าร่วมงาน โดยระบุว่า งานเดินวิ่งดังกล่าวจะมีขึ้นในวันที่ 15 พ.ย. 2563 ตั้งแต่เวลา 5.00 น. บริเวณอาคารสิทธาคาร มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตศาลายา จังหวัดนครปฐม ซึ่งเป็นการจัดกิจกรรมแบบ New Normal โดยมีทั้งเดิน วิ่งและปั่น คือ
1. เดินเพื่อสุขภาพ ระยะทาง 5 กิโลเมตร อัตราค่าสมัคร 400 บาท
2. วิ่งมินิมาราธอน ระยะทาง 10 กิโลเมตร อัตราค่าสมัคร 500 บาท
3. ปั่นจักรยาน ระยะทาง 25 กิโลเมตร อัตราค่าสมัคร 500 บาท
สำหรับรางวัลผู้ชนะเลิศการแข่งขันวิ่งมินิมาราธอน ผู้แข่งขันชายจะได้รับรางวัลถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ส่วนผู้แข่งขันหญิงจะได้รับถ้วยรางวัลพระราชทานสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ขณะที่ผู้สมัครเข้าร่วมทุกท่านจะได้รับเสื้อและเหรียญเป็นที่ระลึก
การสมัครร่วมกิจกรรมทำได้ผ่านช่องทางออนไลน์ที่ https://race.thai.run/walkrunbiketh ตั้งแต่วันที่ 11 ก.ย. 2563 เวลาเที่ยงคืนเป็นต้นไป โดยติดตามรายละเอียดได้ที่แฟนเพจ ‘Walk Run Bike Fighting Stroke เดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต’ สำหรับผู้มีจิตศรัทธาสามารถบริจาคสมทบกองทุนเดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต (D.3806) ที่ศิริราชมูลนิธิ (ไม่เว้นวันหยุด) โทร. 02-419-7658-60 โดยนอกจากจะได้มีสุขภาพที่แข็งแรงห่างไกลจากโรคหลอดเลือดสมอง ยังได้ร่วมทำบุญอีกด้วย
ส่วน ‘รศ.นพ.ยงชัย นิละนนท์’ ประธานศูนย์โรคหลอดเลือดสมองศิริราช กล่าวถึงความสำคัญในการป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง โดยระบุว่าแต่ละปีทั่วโลกมีผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง 15-18 ล้านราย ในจำนวนนี้เสียชีวิตประมาณ 5 ล้านราย ในส่วนในประเทศไทยเรามีความชุกอยู่ 1,880 ต่อ 100,000 ราย คิดเป็น 1.88% หรือราวๆ 2% ซึ่งหมายความเมื่อเราเดินไปบนถนนเจอคน 100 คน จะมีผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง 2 คน โดยตัวเลขเหล่านี้ถูกสำรวจเมื่อหลายปีมาแล้ว แต่ด้วยแนวโน้มประชากรที่อายุมากขึ้นเรื่อยๆ ก็จะทำให้ตัวเลขนี้มากขึ้น โดยพบว่าในประเทศไทยซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศกำลังพัฒนามีผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองค่อนข้างสูง
สำหรับอาการที่บ่งชี้ถึงการป่วยโรคหลอดเลือดสมองมีอยู่ 3 อาการ คือ ปากเบี้ยว ชาหรืออ่อนแรงครึ่งซีก และพูดไม่ชัด แต่ก่อนที่อาการเหล่านี้จะปรากฏก็อาจมีสัญญาณเตือนเช่นการที่ตาข้างใดข้างหนึ่งมองไม่เห็นชั่วขณะอยู่ประมาณ 10-15 นาที ซึ่งเป็นอาการที่เกิดทันทีก่อนจะค่อยๆ ฟื้นแล้วหายไป และเป็นซ้ำๆ อยู่ที่ตาข้างเดียวกัน เป็นอาการที่คนทั่วไปไม่ได้สังเกตเพราะเข้าใจว่าเป็นปัญหาทางตาโดยเฉพาะในผู้สูงอายุ แต่ความจริงนี่คืออาการของหลอดเลือดตีบและหากมีอาการลักษณะนี้ควรรีบไปพบแพทย์
อย่างไรก็ตาม รศ.นพ.ยงชัย ระบุว่าโรคหลอดเลือดสมองสามารถป้องกันได้ด้วย ‘บัญญัติ 10 ประการ’ ที่ประกอบด้วย 4 โรค 6 พฤติกรรม โดย 4 โรคที่เป็นปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง ได้แก่ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง และหัวใจเต้นผิดจังหวะ ซึ่งบางโรคก็ไม่แสดงอาการ ดังนั้นผู้ที่อายุ 30-35 ปีขึ้นไปควรตรวจร่างกายสม่ำเสมอ ขณะเดียวกัน ยังสามารถควบคุมปัจจัยเสี่ยงการเกิดโรคหลอดเลือดสมองด้วย 6 พฤติกรรม คือ ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และการดื่มเหล้า ไม่เครียด รับประทานผักและผลไม้ให้มาก และออกกำลังกาย
ด้าน ‘ดร.ณรงค์ เทียมเมฆ’ ประธานกรรมการมูลนิธิสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช วัดบวรนิเวศวิหารในพระบรมราชูปถัมภ์ ณ โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช จอมบึง กล่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับรูปแบบการจัดกิจกรรมแบบ New Normal ของงานนี้ว่า ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. ได้อนุมัติให้การกีฬาแห่งประเทศไทย (ททท.) สามารถจัดงานวิ่งได้นั้น จึงมีการอบรมและทดสอบระบบในการจัดงานวิ่งถนน ซึ่งการจัดงานครั้งนี้เป็นไปตามคู่มือจัดการแข่งขันวิ่ง แนวทาง New Normal Running ที่ได้กำหนดไว้ โดยมีมาตรการดังนี้
1. ลดจำนวนผู้เข้าร่วม ซึ่งปีนี้รับสมัครผู้ร่วมกิจกรรม 1,000 คน เท่านั้น
2. ลดกิจกรรมรวมคนทั้งก่อนและหลังการแข่งขัน
3. Check in-out ของผู้เข้าร่วมกิจกรรมผ่านแอปพลิเคชันไทยชนะ
4. มีสถานีคัดกรอง วัดอุณหภูมิ เจลล้างมือ แอลกอฮอล์
5. ต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเมื่ออยู่ในบริเวณงาน ยกเว้นระหว่างวิ่ง เมื่อวิ่งเข้าเส้นชัยแล้วก็ต้องสวมหน้ากากอนามัย
6. มีกำหนดระยะเวลาในการปล่อยตัวเป็นกลุ่มย่อยเพื่อลดความแออัด
7. ลดสถานีบริการน้ำให้มีน้อยลง และการแจกน้ำเป็นแบบขวดเพื่อลดการสัมผัส
ขณะที่ ‘ทรงศักดิ์ เปรมสุข’ กรรมมูลนิธิไทยคมระบุว่า มูลนิธิไทยคมทำงานมาต่อเนื่อง 26 ปี ในการส่งเสริมเรื่องการเรียนรู้ตลอดชีวิตเพื่อให้เยาวชนและคนไทยมีความคิดสร้างสรรค์ รวมถึงร่างกายและจิตใจที่เข้มแข็ง แข็งแรง เพื่อพร้อมทำงานให้กับประเทศชาติ โดยมูลนิธิไทยคมได้ให้การสนับสนุนงาน ‘แสงนำใจ ไทยทั้งชาติ เดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต’ มาโดยตลอดเป็นเวลาหลายปีเนื่องจากเห็นว่าการออกกำลังกายเป็นเรื่องสำคัญ เพราะนอกจากป้องกันโรคหลอดเลือดสมองแล้ว การออกกำลังกายยังทำให้คนไทยมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงเพื่อสามารถเป็นกำลังสำคัญในการทำงานเพื่อประโยชน์ให้กับประเทศด้วยเช่นกัน จึงรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่มูลนิธิไทยคมได้มีโอกาสร่วมสนับสนุนกิจกรรมที่ดีเช่นนี้ พร้อมขอบคุณโรงพยาบาลศิริราชที่ให้มูลนิธิไทยคมได้มีส่วนร่วม โดยนายทรงศักดิ์ยังระบุว่า นอกจากจะเป็นกิจกรรมที่ดีแล้ว นี่ยังถือเป็นการได้แสดงความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ มูลนิธิไทยคมยังได้มอบเช็คเงินสดมูลค่า 2 ล้านบาท สนับสนุนโครงการ ‘แสงนำใจ ไทยทั้งชาติ เดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต ครั้งที่ 6 เฉลิมพระเกียรติ’ อีกด้วย