พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า จากกรณีคนร้ายได้ใช้อาวุธปืนสงความบุกยิงพระภายในวัดรัตนานุภาพ ต.โต๊ะเด็ง อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาสเป็นเหตุเจ้าอาวาสและพระลูกวัดมรณะภาพ 2 รูปและบาดเจ็บ 2 รูปนำส่งโรงพยาบาลสุไหงโก-ลกปัจจุบันอาการพ้นขีดอันตราย
จากพฤติกรรมของคนร้ายสร้างความเศร้าสลดให้กับพุทธศาสนิกชนไม่เว้นแม้แต่มุสลิมที่ยอมรับไม่ได้กับพฤติกรรมอันโหดร้ายทารุณเยี่ยงสัตว์ป่าที่สามารถกระทำได้แม้พระภิกษุที่กำลังปฏิบัติธรรมและไม่มีหลักคำสอนใดๆ ในอัรกุรอานที่สอนให้กระทำเช่นนี้ ซึ่งเป็นเหมือนพฤติกรรมของพวกนอกศาสนา
ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ใครเป็นคนก่อให้เกิดความเดือดร้อนทั้งชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนทุกเชื้อชาติ ศาสนาด้วยอุดมการณ์ที่เป็นเพียงคำกล่าวอ้างหลอกลวงประชาชนจึงขอให้ทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งทุกองค์กรศาสนาในพื้นที่ได้ร่วมกันประกาศจุดยืนและแสดงออกถึงพลังบริสุทธิ์ในการต่อต้านพฤติกรรมอันโหดร้ายป่าเถื่อนโดยเร็วที่สุด
พลโท พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 และผอ.รมน.ภาค 4 ได้ขอร้องให้ทุกฝ่ายได้ใช้ความอดทนอดกลั้นโดยไม่ใช้ความรุนแรงตอบโต้ เพราะจะตกหลุมพรางและจะทำให้เกิดความยุ่งยากในการแก้ปัญหายิ่งขึ้น โดยได้สั่งการให้เร่งรัดติดตามจับกุมกลุ่มคนร้ายมาลงโทษขั้นเด็ดขาด พร้อมกำชับเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยให้มากขึ้น โดยไม่ใช้มาตรการนอกกฏหมาย รวมทั้งขอให้เฝ้าระวังผู้นำศาสนาอิสลามที่อาจตกเป็นเหยื่อของสถานการณ์แล้วบิดเบือนข้อเท็จจริงว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่ดังเช่นหลายๆ เหตุการณ์ที่ผ่านมา
'ประยุทธ์' ประณามการกระทำ กำชับเจ้าหน้าเร่งสืบสวนไล่ล่าคนร้าย
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้กำลังใจพี่น้องประชาชน ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองทุกคน ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้โดยเฉพาะที่จ.นราธิวาส หลังเกิดเหตุคนร้ายกว่า 10 คนบุกเข้าโจมตีภายในวัดรัตนานุภาพ อ.สุไหงปาดี ทำให้พระภิกษุมรณภาพและได้รับบาดเจ็บหลายรูป
"นายกฯ ประณามการกระทำที่อุกอาจเช่นนี้ พร้อมกำชับให้เจ้าหน้าที่เร่งสืบสวนหาข้อเท็จจริงและไล่ล่าคนร้ายมาลงโทษให้ได้ โดยย้ำว่ารัฐบาลจะปกป้องประเทศชาติและประชาชนด้วยการรักษาความสงบเรียบร้อยให้ดีที่สุด จึงขอให้ทุกคนเชื่อมั่นในรัฐบาล และร่วมมือกันสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นทุกตารางนิ้วบนผืนแผ่นดินขวานทองของเรา"
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ฝ่ายความมั่นคงเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยทุกชีวิตในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเข้มงวดตรวจตราจุดเสี่ยงต่าง ๆ และดูแลเยียวยาผู้เสียชีวิตและญาติพี่น้องอย่างดีที่สุด รวมทั้งขอความร่วมมือประชาชนแจ้งเบาะแสแก่เจ้าหน้าที่หากพบเห็นสิ่งผิดปกติด้วย
ฮิวแมนไรท์วอทช์ ชี้ 15 ปีของความรุนแรงในภาคใต้ซ้ำเติมทั้งชาวพุทธและมุสลิมในพื้นที่
นายแบรด อดัมส์ ผู้อำนวยการฮิวแมน ไรท์ วอทช์ ประจำภูมิภาคเอเชีย ระบุรายงานผ่านเวบไซต์ว่า การลอบโจมตีพระสงฆ์อย่างโหดร้ายของกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ของประเทศไทยเป็นการกระทำที่รุนแรงเลวทรามไร้ศีลธรรมและเป็นอาชญากรรม และผู้กระทำต้องรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะตลอดเวลา 15 ปีที่ผ่านมาของความรุนแรงและการกระทำของกลุ่มต่อต้านรัฐในภาคใต้ของไทยเป็นการโจมตีทำร้ายอย่างตั้งใจต่อพลเมืองทั้งชาวพุทธและมุสลิมในพื้นที่อย่างไร้ความเป็นธรรม
"ทั้งชาวไทยพุทธและมุสลิมในพื้นที่ภาคใต้ของไทยถูกจับอยู่ในวังวนการแก้แค้นและถูกละเมิดจากทั้งฝ่ายก่อความไม่สงบและฝ่ายความมั่นคงของรัฐไทย" นายอดัม กล่าว
ดังนั้นรัฐบาลไทยต้องดำเนินคดีกับการกระทำอัยชั่วร้ายที่มาจากกองทัพเองและมาจากกลุ่มก่อความไม่สงบ หากจะหยุดยั้งความรุนแรง
กห.เรียกร้องสังคมร่วมกันประณามความป่าเถื่อนและไร้ซึ่งมนุษยธรรมของโจรใต้ ที่ฆ่าพระสงฆ์ในวัด
พล.ท.คงชีพ. ตันตระวาณิชย์ โฆษก กห. กล่าวประณามการกระทำที่ป่าเถื่อนและไร้ซึ่งมนุษยธรรมของกลุ่มก่อความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ทำร้ายและสังหารประชาชนผู้บริสุทธิ์และพระสงฆ์ในศาสนสถานอย่างอุกอาจที่ผ่านมา เพียงเพื่อต้องการสร้างความแตกแยกและแสดงให้สังคมเห็นถึง การยังมีอยู่ของขบวนการหรือองค์กร
โดยเฉพาะกลุ่มอิทธิพลที่อยู่เบื้องหลัง ที่ใช้ความรุนแรง สร้างความกลัว เพื่อกดขี่จำกัดสิทธิเสรีภาพของพี่น้องชาวไทยและแสวงประโยชน์ในพื้นที่ พร้อมทั้งขอเรียกร้องให้คนไทยทุกภาคส่วนและองค์กรที่เคลื่อนไหวเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน ได้ร่วมกันประณามการกระทำที่ป่าเถื่อนดังกล่าวอย่างเปิดเผย
ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนรม.และ รมว.กห. ได้กล่าวแสดงความเสียใจต่อการบาดเจ็บและเสียชีวิตของพระสงฆ์ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมทั้ง สั่งการให้ฝ่ายความมั่นคง โดย กอ.รมน.ภาค 4 เร่งให้การช่วยเหลือเยียวยาและติดตามขยายผลจับกุมผู้ก่อเหตุทั้งหมด มาดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
ขอให้ดำรงความมุ่งหมายเปิดปฏิบัติการเชิงรุกในพื้นที่ต่อเนื่องกันไป ควบคู่กับการเฝ้าระวังและคงเข้มมาตรการป้องกันเชิงรุกในการคุ้มครองดูแลประชาชนเป็นพื้นที่ ให้ขยายผลเปิดเผยพฤติกรรมความเชื่อมโยงของกลุ่มอิทธิพลและผลประโยชน์ในพื้นที่ ที่สนับสนุนความรุนแรงและอยู่เบื้องหลังมายาวนาน เพื่อให้สังคมรับรู้และร่วมกันประณามโดยทั่วกัน