ไม่พบผลการค้นหา
"ชวลิต" เผยลงพื้นที่พบชาวบ้านเดือดร้อนปัญหาเศรษฐกิจสาหัส มองไม่เห็นอนาคต บอก "คิดถึงทักษิณ"

นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส. นครพนม พรรคเพื่อไทย เปิดเผยหลังลงพื้นที่พบว่า ชาวบ้านให้ความสำคัญและร่วมมือกับมาตรการป้องกันไวรัสโควิด - 19 เป็นอย่างดี ที่สำคัญได้ความเข้มแข็ง ทุ่มเทของแพทย์ พยาบาล บุคลากรทางสาธารณสุข และความร่วมมือของประชาชนในการปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรค ทำให้สถานการณ์ไวรัสโควิด - 19 คลี่คลายลงตามลำดับ แต่ในขณะเดียวกันกลับพบว่า ชาวบ้านประสบกับปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้อง อย่างหนักหนาสาหัสยิ่ง ที่สำคัญคนระดับชาวบ้านวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางว่าเป็นห่วงพืชผลการเกษตรไม่มีราคา เป็นห่วงกิจการจะล้มละลาย ฯลฯ บ้านเมืองจะเข้าสู่ยุค "ข้าวยาก หมากแพง" เดือดร้อนกันไปถ้วนทั่ว

เพราะเวลา 6 ปีที่ผ่านมา ขนาดยังไม่มีปัญหาไวรัสโควิดระบาด รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของชาวบ้านได้ แล้วจะแก้ไขปัญหาที่มีสถานการณ์พิเศษจากไวรัสโควิดได้อย่างไร มองไม่เห็นหนทาง และไม่มีความเชื่อมั่นใดๆ เลย แค่มาตรการเยียวยา 5,000 บาท ก็สอบตกแล้ว เพราะไม่เป็นธรรม ไม่ทั่วถึง ยุ่งยาก ช้า ไม่ทันสถานการณ์ความเดือดร้อนของประชาชน จนมีคนที่เดือดร้อนยากจนอย่างเฉียบพลัน ฆ่าตัวตายจำนวนมากอย่างผิดปกติตามที่เป็นข่าวมาอย่างต่อเนื่อง

ตนได้รับคำถามมากมายว่า ส.ส. ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลจะร่วมมือกันหาทางออกให้กับบ้านเมืองในวิกฤตครั้งนี้ได้อย่างไร ได้แต่ตอบไปว่า พรรคฝ่ายค้านได้เพียรพยายามขอเปิดสภาสมัยวิสามัญ เพื่อระดมความคิดของผู้แทนประชาชนทั่วประเทศที่รับทราบปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในแง่มุมต่าง ๆ อย่างหลากหลายมาอภิปรายหาทางออกในสภา ฯ แต่ฝ่ายรัฐบาลไม่ร่วมมือ ก็ไม่สามารถเปิดสภา ฯ ได้ ทั้งนี้ อาจเป็นเพราะรัฐบาลไม่ได้มาจากประชาชนอย่างแท้จริง ความซึมซับความเดือดร้อนของประชาชนจึงเทียบกับรัฐบาลที่มาจากประชาชนไม่ได้

ที่ผ่านมา ถ้ารัฐบาลใจกว้าง เราสามารถเปิดสภา ฯ พิจารณาปรับลดงบประมาณ ปี 2563 ที่ไม่จำเป็นเร่งด่วน แล้วโอนงบ ฯ นำมาใช้เยียวยาความเดือดร้อนประชาชนได้ทันท่วงที รวมทั้งการพิจารณา พ.ร.ก. กู้เงิน ก็อาจลดวงเงินกู้ลงได้ ซึ่งก็จะไม่เป็นภาระแก่รุ่นลูกหลานในอนาคตมากนัก เป็นการแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนส่วนใหญ่ได้ตรงจุด อย่างมีประสิทธิภาพ ในภาวะวิกฤตของบ้านเมืองที่หนักหนาสาหัสอย่างไม่เคยปรากฎมาก่อนเช่นนี้ โดยเฉพาะจากนี้ไปปัญหาเศรษฐกิจจะยิ่งจมลึกจนยากจะเยียวยา 

"ผมอยากจะเห็นความร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจ ไม่แบ่งเป็นฝักเป็นฝ่าย ระดมหาคนที่มีความรู้ ความสามารถเฉพาะด้าน มีประสบการณ์มาช่วยกันแก้ไขปัญหาบ้านเมืองให้เป็นวาระแห่งชาติจริง ๆ" นายชวลิต กล่าว 

เนื่องจากการจะทำงานให้เป็นวาระแห่งชาติ ผู้นำต้องมีความเสียสละ ต้องประมาณการและรู้ตนเองว่า ที่ผ่านมา 5 - 6 ปี ยังแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ปากทัอง ประชาชนไม่ได้ ก็ไม่ควรดันทุรัง เพราะจะยิ่งสร้างความเสียหาย ความบอบช้ำทางเศรษฐกิจ สังคม แก่ประเทศชาติและประชาชนจนเกินจะเยียวยา

นอกจากไม่คิดนอกกรอบเพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤตของบ้านเมืองแล้ว ในองคาพยพของฟากฝั่งรัฐบาล ยังคิดได้เพียงแย่ง "เก้าอี้ดนตรี" ในตำแหน่งรัฐมนตรี เพื่อประโยชน์ของกลุ่ม ก๊วน เฉพาะหน้า โดยไม่ได้มองการเมืองรูปแบบพิเศษที่จะออกจากสถานการณ์วิกฤตยิ่งของบ้านเมืองไปได้อย่างไร

ในฐานะผู้แทนประชาชน ที่ไม่อาจทนเห็นความเดือดร้อนของประชาชนลึกไปกว่านี้อีกได้ เพราะจะยิ่งยากจะเยียวยาดังกล่าว จึงขอเรียกร้องทุกภาคส่วนช่วยกันให้ความเห็นในประเด็นที่จะร่วมมือกันแก้ไขปัญหาของชาติ ประชาชนในภาวะวิกฤต อย่าปล่อยให้ปัญหาเศรษฐกิจ สังคม ลึกลงกว่านี้ดังกล่าวข้างต้น

ขณะนี้ลงพื้นที่ครั้งใด เมื่อพบชาวบ้าน ก็จะกระซิบกันว่า "คิดถึงทักษิณ ๆ ๆ " ซึ่งเป็นเรื่องเหลือเชื่อ แต่เมื่อมาวิเคราะห์ดู อย่างน้อยในชีวิตช่วงนั้น ประชาชนมีอยู่ มีกิน ได้รับความสุข เป็นยุคประชาธิปไตยกินได้ ซึ่งประชาชนก็มีสิทธิจะคิด แต่ในโลกของความเป็นจริง ในกลุ่ม ก๊วน ฟากฝั่งรัฐบาล ยังแย่งเก้าอี้ดนตรีกันอยู่เลย แล้วเราจะหาทางออกให้กับบ้านเมืองได้อย่างไร 

ตนไม่แปลกใจที่ชาวบ้านพากันพูดว่า "คิดถึงทักษิณ ๆ ๆ " ดังกล่าว อย่างน้อยก็เป็นสัญลักษณ์ เป็นข้อคิดว่า ในสถานการณ์ที่วิกฤตเป็นพิเศษเช่นนี้ เราต้องหาผู้นำที่มีคุณสมบัติพิเศษที่เคยประสบความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจของบ้านเมือง มีประสบการณ์ มีความรอบรู้ รอบด้านทั้งเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :